ทำไมการถูกลิงกัดจึงอันตรายกว่าที่คิด? วิธีรับมือ และการรักษาอย่างปลอดภัย ที่ภูเก็ต

หลายคนมองว่าลิง เป็นสัตว์ที่น่ารักและใกล้ชิดกับผู้คน โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง เช่น อินเดีย บาหลี รวมถึงประเทศไทยในบางจังหวัดที่มีลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก เช่น ลพบุรี และภูเก็ต แต่สิ่งที่หลายคนมักมองข้ามคือ ความเสี่ยงจากการถูกลิงกัด หรือ Monkey Bite ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่บาดแผลธรรมดา เพราะอาจนำไปสู่โรคติดเชื้อร้ายแรงที่คุกคามชีวิตได้

ทำไมการถูกลิงกัดจึงอันตรายกว่าที่คิด? วิธีรับมือและการรักษาอย่างปลอดภัย ที่ภูเก็ต

การถูกลิงกัด คืออะไร?

การถูกลิงกัด (Monkey bite) หมายถึง บาดแผลที่เกิดจากฟันของลิงซึ่งฝังเข้าผิวหนัง อาจเป็นเพียงรอยถลอกเล็กน้อย หรือแผลลึกที่มีโอกาสติดเชื้อสูง ความรุนแรงของการกัดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ ขนาดและแรงกัดของลิง ตำแหน่งที่ถูกกัด สุขภาพและภูมิคุ้มกันของผู้ถูกกัด รวมไปถึงความสะอาดของบาดแผล

แม้ว่าจะพบกรณีลิงกัดน้อยกว่าสุนัขกัด แต่ในบางพื้นที่ เช่น อินเดีย มีรายงานว่ากว่า 40% ของการบาดเจ็บจากสัตว์กัดทั้งหมดมาจากลิง ซึ่งถือว่าสูงและน่ากังวลอย่างมาก

ลิงเป็นพาหะนำโรคอะไรได้บ้าง?

แม้ลิงจะเป็นสัตว์ที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวหรือเขตชุมชน แต่ลิงก็สามารถเป็น พาหะของโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน (Zoonotic diseases) ที่สำคัญหลายชนิด ดังนี้

  • โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies)
    • ลิงเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จึงสามารถติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้เช่นเดียวกับสุนัขและแมว
    • การกัดหรือข่วนจากลิงที่มีเชื้อ สามารถแพร่เชื้อเข้าสู่คนได้
    • พิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่ หากแสดงอาการแล้ว โอกาสเสียชีวิตเกือบ 100% การฉีดวัคซีนหลังถูกกัดจึงสำคัญที่สุด
  • Herpes B Virus (Macacine herpesvirus 1)
    • พบในลิงตระกูล Macaque (เช่น ลิงกังที่พบในเอเชีย)
    • ลิงมักไม่แสดงอาการ แต่หากเชื้อติดสู่คน อาจทำให้เกิด สมองอักเสบ (encephalitis) และเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับยาต้านไวรัสทันที
    • ติดต่อผ่านการกัด ข่วน หรือสัมผัสน้ำลาย น้ำมูก เลือดของลิง
  • วัณโรค (Tuberculosis; TB)
    • ลิงสามารถติดและแพร่เชื้อวัณโรคได้ โดยเฉพาะหากอยู่ใกล้ชิดกับคนหรือลิงอื่น ๆ ที่ป่วย
    • การติดเชื้ออาจเกิดจาก การหายใจเอาละอองเชื้อ (droplet) จากลิงที่ป่วย
  • เชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคในบาดแผล เพราะบาดแผลจากการกัดหรือข่วนของลิงอาจติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น
    • Staphylococcus aureus
    • Streptococcus spp.
    • เชื้อแกรมลบอื่น ๆ
    • อาจทำให้เกิดแผลหนอง, การติดเชื้อในกระแสเลือด (sepsis) หากไม่ได้รับการรักษาทันที
  • โรคจากพยาธิและโปรโตซัว
    • ลิงอาจเป็นพาหะของ พยาธิต่าง ๆ ที่แพร่สู่คน เช่น พยาธิไส้เดือน, พยาธิตัวจี๊ด
    • รวมถึงโปรโตซัว เช่น Giardia lamblia และ Entamoeba histolytica ที่อาจติดผ่านการปนเปื้อนของอุจจาระ
  • ไวรัสไข้สมองอักเสบจากสัตว์ตระกูลลิง (Simian viruses)
    • ลิงมีไวรัสเฉพาะกลุ่ม (Simian viruses) หลายชนิด เช่น Simian foamy virus, Simian immunodeficiency virus (SIV) ซึ่งบางชนิดถูกศึกษาในฐานะโรคที่อาจข้ามสายพันธุ์สู่คน
    • แม้จะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าทำให้เกิดโรคในคนทั่วไป แต่ถือเป็นความเสี่ยงด้านสาธารณสุข
ทำไมบาดแผลจากลิงกัดถึงเสี่ยง

ทำไมบาดแผลจากลิงกัดถึงเสี่ยง?

การกัดของลิงมีความรุนแรงมากกว่าที่คิด เพราะ

  • เขี้ยวของลิงคม และยาว ทำให้บาดแผลลึก
  • น้ำลายลิงมีเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย
  • แผลมักปิดลึก ทำให้เชื้อเข้าไปสะสมในเนื้อเยื่อ

ดังนั้น หากไม่ได้รับการล้างแผล และการรักษาที่ถูกต้อง เชื้อเหล่านี้สามารถก่อโรคได้ตั้งแต่การติดเชื้อที่ผิวหนังไปจนถึงการติดเชื้อร้ายแรงที่อาจทำให้เสียชีวิต

โรคสำคัญหลังถูกลิงกัด

พิษสุนัขบ้า (Rabies)

  • ลิงสามารถเป็นพาหะเชื้อพิษสุนัขบ้าได้เช่นเดียวกับสุนัขและแมว
  • หากเชื้อเข้าสู่ร่างกายและแสดงอาการแล้ว อัตราการเสียชีวิตเกือบ 100%
  • แนวทางป้องกันหลังสัมผัส (Post-Exposure Prophylaxis; PEP):
    • ล้างแผลทันที
    • ใส่ Rabies Immunoglobulin (RIG) หากเป็น Category III (แผลทะลุผิว/ลึก/น้ำลายเข้าตา-ปาก-แผล)
    • ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า
      • คนทั่วไป: 4 เข็ม (วัน 0–3–7–14)
      • ผู้กดภูมิ: 5 เข็ม (วัน 0–3–7–14–28)

Herpes B Virus (Macacine herpesvirus 1)

  • พบในลิงตระกูล Macaque
  • ลิงมักไม่ป่วย แต่หากเชื้อติดสู่คนอาจทำให้เกิด สมองอักเสบและเสียชีวิต
  • หากถูกกัด/ข่วน หรือน้ำลายเข้าตา-ปาก-แผล ต้อง:
    • ล้างด้วยสบู่หรือสารฆ่าเชื้อ ≥15 นาที
    • เปิดน้ำไหลล้างต่อ 15–20 นาที
    • รีบไปโรงพยาบาล และแจ้งว่าเป็น การสัมผัสลิง Macaque
    • อาจได้รับยาต้านไวรัส เช่น Acyclovir / Valacyclovir

การติดเชื้อแบคทีเรียของแผล

  • เชื้อที่พบบ่อย เช่น Staphylococcus aureus, Streptococcus spp. และเชื้อแกรมลบหลายชนิด
  • อาการ: แผลบวมแดง หนอง มีเส้นแดงพาด (lymphangitis) หรือถึงขั้น sepsis
  • ยาที่นิยมใช้: Amoxicillin-clavulanate เป็นตัวเลือกแรก
  • กรณีแพ้เพนิซิลลิน อาจใช้ Doxycycline + Metronidazole หรือยาทางเลือกอื่นตามแนวทาง

การปฐมพยาบาลทันที (ต้องทำทันที)

  • ล้างแผลด้วยสบู่และน้ำไหลนานอย่างน้อย 15 นาที (ถูให้ทั่วถึง แต่ไม่ต้องรุนแรง)
    ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดน-ไอโอดีน/น้ำเกลือ เช็ดรอบๆ แผล
  • ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซสะอาด
  • ไปโรงพยาบาลทันที เพื่อประเมินวัคซีนพิษสุนัขบ้า, RIG, ยาปฏิชีวนะ และบาดทะยัก  (WHO/CDC เน้นว่าการล้างแผลทันที ≥15 นาทีช่วยลดความเสี่ยงเสียชีวิต ได้จริง).

กรณีสัมผัส macaque: เพิ่มขั้นตอน ถู-ล้าง 15 นาที + เปิดน้ำไหลอีก 15–20 นาที” และแจ้งแพทย์ว่ามาจากลิง macaque เพื่อประเมิน Herpes B โดยเฉพาะ

อาการติดเชื้อหลังถูกลิงกัด 

  • ติดเชื้อแบคทีเรียของแผล (24–72 ชม.แรกบ่อยสุด): ปวด-บวม-แดง-ร้อน, หนอง, กลิ่นเหม็น, เส้นแดงพาดจากแผล, ไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย
  • พิษสุนัขบ้า: ระยะฟักตัวตั้งแต่สัปดาห์ถึงหลายเดือน; ระยะแรกมีไข้ ปวดเสียว/คัน-ชาปลายประสาทบริเวณแผล ต่อมามีอาการทางระบบประสาท (กลัวลม/กลัวน้ำ, กระสับกระส่าย, สับสน) ซึ่งเมื่อเริ่มแล้วมักเสียชีวิต จึงห้ามรออาการ ต้องทำ PEP ทันทีหลังสัมผัส
  • Herpes B (กรณี macaque): ไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ/กล้ามเนื้อ, ตุ่มพองหรือพุพองใกล้แผล, ชา-อ่อนแรง, คอแข็ง-สับสน; เสี่ยงลุกลามสู่ระบบประสาทและอัตราตายสูงหากไม่ให้ยาต้านไวรัสเร็ว

สัญญาณอันตรายที่ควรไปห้องฉุกเฉินทันที

  • แผลลึก เลือดออกมาก หรืออยู่ที่ใบหน้า มือ อวัยวะเพศ
  • ถูกลิง Macaque ซึ่งเสี่ยง Herpes B
  • ผู้ป่วยที่มีภาวะกดภูมิ หญิงตั้งครรภ์ หรือเด็กเล็ก
  • เริ่มมีไข้ ปวดแผลรุนแรง บวมแดงกระจาย มีหนอง หรือมีอาการทางระบบประสาท เช่น ปวดหัวรุนแรง คอแข็ง สับสน
แนวทางรักษาทางการแพทย์เมื่อถูกลิงกัด

แนวทางรักษาทางการแพทย์เมื่อถูกลิงกัด

  • การทำแผลโดยบุคลากรทางการแพทย์ แม้ว่าจะมีการล้างแผลเบื้องต้นมาแล้ว แต่แพทย์จะทำความสะอาดซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำลายและสิ่งสกปรกถูกกำจัดหมด รวมถึงพิจารณา การเดบริด (Debridement) เพื่อตัดเนื้อเยื่อที่ตายออก และประเมินว่าจำเป็นต้องเย็บหรือปล่อยแผลเปิดเพื่อระบายเชื้อหรือไม่
  • การให้ยาปฏิชีวนะ
    • ยาหลักที่แนะนำ: moxicillin-clavulanateA เนื่องจากครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยในแผลสัตว์กัด (Staphylococcus aureus, Streptococcus และเชื้อแกรมลบ)
    • ทางเลือกกรณีแพ้เพนิซิลลิน: Doxycycline ร่วมกับ Metronidazole หรือสูตรอื่นที่เหมาะสมตามแนวทางสากล
  • การฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า (Rabies vaccine)
    • การฉีดวัคซีนถือเป็นหัวใจหลัก เพราะหากติดเชื้อพิษสุนัขบ้าแล้ว อัตราการเสียชีวิตแทบ 100%
    • ตารางการฉีดมาตรฐาน: Day 0, 3, 7, 14 และ 28
    • ผู้ที่เคยฉีดครบและยังไม่เกิน 1 ปี: แพทย์อาจพิจารณาฉีดกระตุ้นเพียง 2 เข็ม (Day 0 และ 3)
  • การฉีดอิมมูโนโกลบูลิน (Rabies Immunoglobulin; RIG)
    • ใช้สำหรับแผลที่เข้าข่าย Category III ได้แก่ แผลลึก, แผลทะลุผิวหนัง, หรือแผลบริเวณที่เสี่ยง เช่น ใบหน้า มือ หรือใกล้เส้นประสาท
    • หลักการคือ ใส่ RIG ลงในแผลมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ส่วนที่เหลือฉีดเข้ากล้ามเนื้อตามน้ำหนักตัว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันเฉียบพลัน
  • การพิจารณาวัคซีนบาดทะยัก หากไม่ได้รับวัคซีนบาดทะยักนานเกิน 10 ปี (หรือเกิน 5 ปีในกรณีแผลสกปรก/ลึก) แพทย์จะพิจารณาฉีดกระตุ้นด้วย Td หรือ Tdap เพื่อป้องกันการติดเชื้อบาดทะยัก
  • Herpes B Virus (เฉพาะลิงตระกูล Macaque)
    • กรณีถูกลิงตระกูล Macaque กัด ต้อง ประเมินความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ Herpes B
    • หากเข้าข่าย แพทย์จะพิจารณาให้ยาต้านไวรัส เช่น Acyclovir/Valacyclovir
    • ต้องติดตามอาการระบบประสาทอย่างใกล้ชิดตามแนวทางของ CDC

การป้องกันเพิ่มเติมหลังการรักษา

  • ติดตามอาการบาดแผล: หากแผลบวม แดง มีหนอง หรือเจ็บมากขึ้น ควรกลับไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • หลีกเลี่ยงสัมผัสซ้ำ: ไม่ให้อาหารหรือเข้าใกล้ลิงเกินจำเป็น โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก
  • ให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว: นักเดินทางควรรู้วิธีปฐมพยาบาลและรีบหาสถานพยาบาลหากถูกกั
  • เสริมสุขภาพทั่วไป: การพักผ่อนเพียงพอ กินอาหารครบถ้วน และลดความเครียดช่วยให้ภูมิคุ้มกันฟื้นตัวดีขึ้นหลังการฉีดวัคซีน

ทำไมควรเลือกรับบริการที่ ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก

  • บริการครบวงจร + สาขาหลายแห่งทั่วภูเก็ต คลินิกมีหลายสาขา (Laguna, Phuket Town, Boat Lagoon ฯลฯ) ช่วยให้คนไข้สะดวกเรื่องที่ตั้งและเดินทาง ทั้งยังเปิดทุกวันและรองรับ walk-in และ appointment ได้ด้วย
  • ทีมแพทย์และบุคลากรประสบการณ์สูง + ภาษาอังกฤษดี มีแพทย์หลายสาขาที่เชี่ยวชาญ ภาษาอังกฤษใช้ได้ดี (สำคัญสำหรับชาวต่างชาติหรือนักท่องเที่ยว)
  • อุปกรณ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ห้องปฏิบัติการ, การตรวจสุขภาพ, ผลตรวจแม่นยำ และใช้มาตรฐานความปลอดภัย /ความสะอาดสูง 
  • การบริการที่คำนึงถึงผู้ใช้บริการต่างชาติ รองรับชาวต่างชาติด้วยภาษาอังกฤษ บริการวัคซีนที่เหมาะสม นักท่องเที่ยวที่ต้องการบริการโรงพยาบาลหรือคลินิกที่สื่อสารง่าย และมีบริการที่ช่วยเรื่องประกันสุขภาพหรือคำแนะนำเดินทางได้
  • ใส่ใจคุณภาพชีวิตและการป้องกันโรค คลินิกไม่ได้เน้นแค่ “รักษาเฉพาะหน้า” แต่มีบริการตรวจสุขภาพเหมาะกับอายุ/ความเสี่ยง บุคลิกภาพ และบริการวัคซีนต่างๆ เพื่อป้องกันล่วงหน้า
  • ความสะดวก + ความยืดหยุ่น สามารถ walk-in ได้ หรือจองล่วงหน้า มีเวลาทำการทุกวัน เปิดทั้งเช้าและเย็นบางแห่ง เหมาะกับคนที่อยู่ในช่วงท่องเที่ยวหรือมีเวลาจำกัด
  • รีวิวจากผู้ใช้จริงดี ผู้ใช้บริการรีวิวว่าคลินิกสะอาด พนักงานเอาใจใส่ อธิบายดี คนไข้รู้สึกว่าได้รับการดูแลอย่างละเอียดและใส่ใจอย่างเป็นกันเอง

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม

การถูกลิงกัดไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างที่หลายคนคิด เพราะอาจเกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรงที่คุกคามชีวิตได้ทันที ความสำคัญจึงอยู่ที่การล้างแผลอย่างถูกวิธี รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว และเข้ารับวัคซีนหรือยาตามคำแนะนำ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อพิษสุนัขบ้าและเชื้อไวรัสอื่น ๆ หากทุกคนมีความรู้และตระหนักถึงอันตรายนี้ การอยู่ใกล้ลิงและการท่องเที่ยวในแหล่งที่มีลิงก็จะปลอดภัยและไร้ความกังวลมากขึ้น

ช่องทางการติดต่อ

สาขาลากูน่า

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาลากูน่า ตั้งอยู่ที่ 58/1 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83100
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 21.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id. @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ 096 236 2449
  • แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/SXaeLrSU9Lx47YPH6
  • จองคิวตรวจออนไลน์ https://pmclaguna.youcanbook.me

สาขาในเมือง

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาเมืองภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ 41/7-41/8  ตำบลตลาดเหนือ  อำเภอเมืองภูเก็ต  จ.ภูเก็ต 83000 
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 20.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id.   @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ  096 228 2449
  • แผนที่คลินิก   https://maps.app.goo.gl/yeU9qNArGg3qdwZw9 
  • จองคิวตรวจออนไลน์    https://pmctown.youcanbook.me

สาขาหอนาฬิกา

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก  สาขาหอนาฬิกา   206/8 ถ. ภูเก็ต ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์        10.00- 20.00น. (ช่วงเเรก)
  • สอบถามผ่าน Line id.  @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ   096 696 2449
  • แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/svPvTabmmD1DHe9v9
  • จองคิวตรวจออนไลน์  https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me

เอกสารอ้างอิง

  • World Health Organization (WHO). Rabies and monkey bite prevention guidelines. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/rabies
  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Rabies: Information for travelers. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/rabies
  • National Institutes of Health (NIH). B virus (Herpes B virus) infection in humans. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK47315/
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการป้องกันพิษสุนัขบ้าและโรคติดต่อจากสัตว์. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th
  • สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). ความรู้เรื่องโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนและการป้องกัน. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.thaihealth.or.th

Similar Posts

  • ระบบภูมิคุ้มกัน คืออะไร?

    ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) คือ เป็นกลไกการทำงานของร่างกายระบบหนึ่ง ที่เป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกายที่ทำหน้าที่ป้องกัน หรือต่อต้านไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย หรือเกิดการติดเชื้อจากเชื้อโรคเหล่านั้น หรือคอยช่วยเหลือไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยจากสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย โดยสิ่งแปลกปลอมทั้งภายนอก ได้แก่ แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา หรือสารพิษจากจุลินทรีย์ หรือจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย เช่น เนื้องอก หรือเซลล์มะเร็ง

  • โรคลมชัก

    โรคลมชัก (Seizures/Epilepsy) หรือลมบ้าหมู (Grand mal) คือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย หรือเกิดจากเซลล์สมองที่ทำงานเชื่อมโยงกันเหมือนวงจรไฟฟ้า และปล่อยคลื่นไฟฟ้าออกมาผิดปกติพร้อมกันอย่างเฉียบพลัน ส่งผลให้ระบบประสาทเกิดความผิดปกติจนไม่สามารถควบคุมตนเอง หรือเกิดอาการชักซ้ำๆ  โดยอาการแสดงที่เกิดขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเป็นส่วนใดของสมองที่ได้รับการกระตุ้น ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นเป็นๆ หายๆ ในระยะเวลาไม่นาน มักเกิดขึ้นทันทีและหยุดเอง แต่อาการมักเกิดซ้ำขึ้นเรื่อยๆ 

    นอกเหนือจากการชักเกร็งกระตุกทุกส่วนของร่างกายนั้น อาจจะมีอาการเบลอ เหม่อลอย ตาค้าง วูบบ่อย ก็เสี่ยงต่อการเกิดโรคลมชัก หรือลมบ้าหมูแบบไม่ทันตั้งตัวได้  โดยอาการเหล่านี้ไม่ควรมองข้าม หากปล่อยให้มีอาการลักษณะนี้บ่อยๆ และไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลให้ความจำเลอะเลือนชั่วคราว หรือหากมีอาการกำเริบขึ้นกะทันหันอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจนทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้

  • เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับประจำเดือน

    ประจำเดือน หรือ รอบเดือน หรือ ระดู (Menstruation หรือ Period)  คือ เยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดลอกออกมาทุกเดือนทางช่องคลอด โดยร่างกายของผู้หญิงจะมีการสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อเตรียมไว้ให้ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิมาฝังตัว เพื่อเจริญเติบโตเป็นทารกต่อไป แต่หากเดือนนั้นไข่ที่ตกไม่ได้รับการปฏิสนธิ ตัวเยื่อบุโพรงมดลูกที่ร่างกายสร้างขึ้นมาแต่ไม่ได้ใช้งาน ก็จะหลุดลอกออกมาเป็นเลือดประจำเดือน 

  • โรคอาหารเป็นพิษ

    โรคอาหารเป็นพิษ คืออะไร?

    โรคอาหารเป็นพิษ (Food Poisoning) เกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อน ของเชื้อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย (หรือสารพิษของเชื้อแบคทีเรีย) ไวรัส หรือ เชื้อปรสิต หรือในบางครั้งอาจรวมถึงพิษจากโลหะหนักต่าง ๆ ด้วย ทำให้เกิดอาการทางระบบทางเดินอาหารที่มีความรุนแรงแตกต่างกันไปจากหลาย ๆ ปัจจัย  โดยทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ ท้องเสียถ่ายเหลว หรือปวดท้อง ซึ่งอาการส่วนใหญ่มักไม่ร้ายแรง แต่หากเกิดอาการรุนแรงขึ้นก็อาจทำให้ร่างกายเสียน้ำและเกลือแร่จนเป็นอันตรายได้

  • ตรวจเลือด HIV ภูเก็ต ที่ไหนดี? มาดูกันว่าคลินิกตรวจเลือด ภูเก็ตมีที่ไหนบ้าง

    โรคเอดส์ (AIDS) เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัส HIV (Human Immunodeficiency Virus) เชื้อไวรัสนี้จะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายอ่อนแอและติดเชื้อได้ง่าย ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคเอดส์ให้หายขาด แต่สามารถรักษาให้อาการดีขึ้นและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติได้

  • โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

    โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง  ชนิดหนึ่งมีอาการเป็นๆ หายๆ โดยมีอาการคันมากตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลากลางคืน  ผิวหนังแห้ง อักเสบ และมีอาการกำเริบเป็นระยะๆผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีแนวโน้มทางพันธุกรรมอยู่เป็นพื้นฐาน ผู้ป่วยมักมีประวัติแพ้อากาศ ไอ จามบ่อยๆ หอบหืดหรือเยื่อบุตาอักเสบ โดยเฉพาะเวลาที่อากาศรอบตัวเปลี่ยนแปลงคนในครอบครัวของผู้ป่วยมักมีประวัติ โรคภูมิแพ้ เช่น แพ้อากาศ ไอ จามบ่อยๆ หอบหืด หรือผิวหนังอักเสบภูมิแพ้