โรคฝีดาษลิง

การแพร่ระบาดของโลกฝีดาษ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ ร้อยละ 99 % เป็นผู้ชาย ซึ่งมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อมา โดยติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้หลายคนให้ความสนใจและวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ฉะนั้นการมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อจะได้เตรียมตัวรับมือเพื่อไม่ให้เกิดการตื่นตระหนกจนเกินไป

โรคฝีดาษลิง คืออะไร?

โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคเกิดจากเชื้อไวรัส สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้จากการสัมผัสทางผิวหนัง สารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ วัตถุที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส และสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ห รือจากการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างกิจกรรมทางเพศได้  แต่โรคนี้เราสามารถเฝ้าระวังได้ง่าย เพราะผู้ป่วยติดเชื้อจะมีตุ่มขึ้นตามร่างกายเป็นรอยโรคที่สังเกตได้ชัดเจน

สาเหตุโรคฝีดาษลิง

โรคฝีดาษลิง เกิดจากเชื้อไวรัส Orthopoxvirus  โดยเชื้อนี้มักจะอยู่ในสัตว์ในตระกูลลิง และฟันแทะ เช่น  หนู กระรอก กระต่าย มักจะพบในป่าดิบชื้นบริเวณตอนกลางและทางตะวันตกของทวีปแอฟริกา โดยเชื้อไวรัสนี้แพร่เชื้อจากสัตว์ไปสู่สัตว์ และสามารถแพร่เชื้อจากสัตว์ไปสู่คนได้ ซึ่งการระบาดที่พบในตอนนี้ เกิดในประเทศบนทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรปเป็นส่วนใหญ่ 

โรคฝีดาษลิง

อาการโรคฝีดาษลิง

  • อาการของโรคจะแสดงอาการหลังจากได้รับเชื้อแล้วประมาณ 7-14 วัน
  • มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดหัวปวดกระบอกตา  ปวดเมื่อยตามร่างกาย 
  • อาการต่อมน้ำเหลืองโตทั่วร่างกาย ถือเป็นจุดเด่นที่สังเกตได้ของโรคไข้ฝีดาษลิง สามารถเกิดขึ้นได้ตามจุดต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะจุดที่ไปสัมผัสโรคตามผิวหนัง เช่น คอ ไหปลาร้า ข้อศอก รักแร้ เป็นต้น หรือผ่านทางเยื่อบุทางเดินหายใจ จากการพูดคุย สัมผัสใกล้ชิด การจูบ ได้เช่นกัน ซึ่งอาการต่อมน้ำเหลืองโตนี้จะเป็นอาการที่แตกต่างจากโรคไข้สุกใส (Chickenpox) ที่เป็นไข้ออกผื่นลักษณะเดียวกัน
  • หลังจากมีไข้ประมาณ 1-3 วัน จะมีตุ่มเล็ก ๆ คล้ายผื่น
  • ซึ่ง ผื่นมักจะขึ้นที่บริเวณใบหน้า แขน ฝ่ามือ และขา มากกว่าที่ลำตัว รวมทั้งเยื่อบุบริเวณตา ช่องปาก และอวัยวะเพศ ซึ่งตุ่มเหล่านี้จะอักเสบและแห้งไปเองใน 2 – 4 สัปดาห์ โดยมีการเปลี่ยนแปลงตามลำดับ ดังนี้
    • มีตุ่มนูนแดงคล้ายผื่น
    • ภายในตุ่มมีน้ำใสอยู่ภายใน รู้สึกคัน แสบร้อน
    • ตุ่มใสกลายเป็นหนอง เมื่ออาการรุนแรงขึ้น ตุ่มหนองเหล่านั้นจะแตกออก จะเป็นช่วงระยะเวลาที่สามารถแพร่เชื้อได้สูงสุด 
  • หากผื่นเริ่มตกสะเก็ดแล้ว จะถือว่าพ้นจากระยะการแพร่เชื้อ ผื่นของโรคฝีดาษลิงจะกินลึกถึงชั้นผิวหนังด้านใน ทำให้หลังจากผื่นตกสะเก็ดจะทำเกิดรอยโรคหรือรอยแผลเป็นได้
  • อาจมีอาการท้องเสีย อาเจียน เจ็บคอ ไอ หอบเหนื่อยร่วมด้วย
  • บางรายที่ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีโรคประจำตัวอาจมีภาวะแทรกซ้อนทำให้อาการรุนแรงอันตรายถึงชีวิตได้

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะหายเองตามธรรมชาติ และจะมีอาการป่วยเป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ นอกเสียจากว่าจะติดเชื้อซ้ำซ้อนที่บริเวณปอด ลามไปสมองจนเกิดการอักเสบขึ้น หรือติดเชื้อที่กระจกตา มีความเสี่ยงถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นได้

การวินิจฉัยโรคฝีดาษลิง

  • ผู้ป่วยที่มีผื่น ควรได้รับการแยกจากโรคอื่นๆ เช่น โรคฝีดาษ โรคอีสุกอีใส โรคหิด โรคซิฟิลิส การติดเชื้อทางผิวหนัง และอาการแพ้ยาอื่นๆ 
  • อาการต่อมน้ำเหลืองโตจะช่วยบ่งชี้โรคฝีดาษลิงจากโรคฝีดาษและโรคอีสุกอีใสได้
  • การวินิจฉัยที่แน่นอนทำได้โดยแพทย์ส่งสิ่งส่งตรวจ (แนะนำให้เป็นรอยโรคทางผิวหนังหรือของเหลวจากตุ่มน้ำ) ไปทำ Polymerase Chain Reaction (PCR) โดยมีขั้นตอนการเก็บและส่งต่อสิ่งส่งตรวจอย่างเหมาะสม และต้องระบุอาการและระยะเวลาการเกิดโรคของผู้ป่วยพร้อมสิ่งส่งตรวจด้วย ผู้ที่เคยได้รับวัคซีนจากเชื้อในกลุ่มนี้มาก่อนอาจมีผลบวกลวงได้ 

การรักษาโรคฝีดาษลิง

  • ในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคฝีดาษลิงเฉพาะ ทำได้เพียงการให้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษซึ่งผลการรักษาจะมีประสิทธิภาพเพียง 85% รวมทั้งการให้ยาต้านไวรัส ได้แก่ Cidofovir, Tecovirimat และ Brincidofovir
  •  หากไม่ได้ทำการรักษาโรคฝีดาษลิง ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ ธรรมชาติของโรคจะหายได้เองภายใน 2 – 4 สัปดาห์
  • การรักษาโรคฝีดาษลิง เป็นการรักษาแบบประคับประคอง เช่น การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ การป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน เป็นต้น
  • การดูแลผิวหนังที่ติดเชื้อฝีดาษลิง ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกมีดังนี้
  • หลีกเลี่ยงการแกะเกาแผล 
  • บริเวณที่เป็นผื่น ต้องรักษาความสะอาดของผิวหนังไม่ให้อับชื้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม
  • ควรล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์ ก่อนและหลังการสัมผัสผื่น
  • ทำความสะอาดผื่นด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ
  • ไม่ควรปิดผื่นให้มิดชิด แต่ควรเปิดผื่นให้ระบายอากาศได้
  • หากผื่นมีอาการปวด บวมแดง หรือเป็นหนอง แนะนำให้รีบพบแพทย์

ติดต่อเรา

ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก ให้บริการที่ใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมทั้งทีมงานที่มีความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและ การรักษา โดยคุณสามารถเข้ารับบริการได้ทั้ง walk-in หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ

ช่องทางการติดต่อ

สาขาลากูน่า

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาลากูน่า ตั้งอยู่ที่ 58/1 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83100
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 21.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id. @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ 096 236 2449
  • แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/SXaeLrSU9Lx47YPH6
  • จองคิวตรวจออนไลน์ https://pmclaguna.youcanbook.me

สาขาในเมือง

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาเมืองภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ 41/7-41/8  ตำบลตลาดเหนือ  อำเภอเมืองภูเก็ต  จ.ภูเก็ต 83000 
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 20.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id.   @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ  096 228 2449
  • แผนที่คลินิก   https://maps.app.goo.gl/yeU9qNArGg3qdwZw9 
  • จองคิวตรวจออนไลน์    https://pmctown.youcanbook.me

สาขาหอนาฬิกา

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก  สาขาหอนาฬิกา   206/8 ถ. ภูเก็ต ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์        10.00- 20.00น. (ช่วงเเรก)
  • สอบถามผ่าน Line id.  @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ   096 696 2449
  • แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/svPvTabmmD1DHe9v9
  • จองคิวตรวจออนไลน์  https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me

Similar Posts