โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย ที่ส่งผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์ และทารกในครรภ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นโรคที่สามารถพบได้บ่อยในสตรีตั้งครรภ์ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์แตกต่างกันไปและอาจเกิดอันตรายต่อสตรีตั้งครรภ์ และทารกในครรภ์ได้ โดยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจจะได้รับเชื้อในขณะที่ยังไม่ได้ตั้งครรภ์ หรืออาจจะได้รับเชื้อในขณะที่ตั้งครรภ์แล้วก็ได้

โรคติดต่อทางเพศสัมพันที่มีอาการแสดงมักจะได้รับการรักษา แต่โรคหลายชนิดที่ไม่มีอาการแสดง สามารถแฝงตัวในร่างกายนานเป็นสิบปี โดยไม่มีอาการปรากฏให้เห็น ทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงละเลยไม่ใส่ใจ ไม่รักษา หรือดูแลตัวเองอย่างถูกต้องเหมาะสม ในระยะยาว เชื้อโรคเหล่านี้อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์ และทารกที่จะเกิดมา ฉะนั้นสตรีตั้งครรภ์จึงควรได้รับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การรักษา การป้องกัน และให้คำแนะนำอย่างถูกต้อง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยในสตรีตั้งครรภ์

โรคช่องคลอดอักเสบ หรือภาวะช่องคลอดอักเสบ (Vaginitis) จากเชื้อแบคทีเรีย Bacterial vaginosis เป็นอาการอักเสบซึ่งเกิดจากความไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด ทำให้เกิดอาการระคายเคือง คัน และมีตกขาวผิดปกติ อาการของโรคได้แก่ ตกขาวกลิ่นเหม็นคาวปลา ตกขาวเป็นฟอง กลิ่นเหม็นหลังการร่วมเพศ สตรีตั้งครรภ์ ควรรักษาภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียในสตรีมีครรภ์ เนื่องจากส่งผลเสียหลายอย่างต่อการตั้งครรภ์ได้ เช่น การคลอดก่อนกำหนด หรือน้ำหนักตัวทารกแรกคลอดน้อย และถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนดได้

โรคเริม (Herpes simplex) คือ โรคติดต่อทางผิวหนังหรือทางเพศสัมพันธ์ผ่านการสัมผัสกับเชื้อไวรัส HSV-1 หรือ HSV-2 ที่ทำให้เกิดเริมที่ปาก หรือเริมที่อวัยวะเพศ  หลังจากที่ติดเชื้อแล้วร่างกายไม่สามารถทำลายเชื้อไวรัสให้หมดได้ เชื้อไวรัสสามารถแฝงตัวอยู่ที่ nerve ganglion ทำให้เกิดโรคซ้ำอยู่เรื่อย ๆ บางทีไม่มีอาการแสดงแต่สามารถแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้ และมีผลต่อสตรีตั้งครรภ์ เช่น

  • อัตราการคลอดก่อนกำหนดสูงขึ้น
  • การติดเชื้อโดยกำเนิด (congenital) หรือ ติดเชื้อในครรภ์ 
  • การติดเชื้อปริกำเนิด (perinatal) ทารกที่รอดชีวิตจะมีการทำลายของระบบประสาท และตาได้รุนแรง 
  • สตรีตั้งครรภ์ในระยะคลอดที่มีรอยโรคของการติดเชื้อซ้ำ ควรคลอดบุตรโดยการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง(cesarean section) เพื่อลดโอกาสที่ทารกในครรภ์จะได้รับเชื้อเริม แม้ว่าการผ่าตัดคลอดจะไม่ได้กำจัดเชื้อได้ทั้งหมดก็ตาม
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย ส่งผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์ และทารกในครรภ์

โรคหนองใน (Gonorrhea ) เกิดจากการติดเชื้อ Neisseria gonorrhoeae โดยส่วนใหญ่การติดเชื้อจะอยู่ที่บริเวณอวัยวะสืบพันธ์ส่วนล่าง ได้แก่ ปากมดลูก ท่อปัสสาวะ และรอบ ๆ ท่อปัสสาวะ อาจลุกลามทำให้เกิดปีกมดลูกอักเสบได้(ค่อนข้างน้อยเนื่องจากมีถุงการตั้งครรภ์ และมูกปากมดลูกขัดขวางการกระจายของเชื้อ) สามารถกระจายตามกระแสเลือดทำให้เกิดข้ออักเสบได้และในสตรีตั้งครรภ์ อาจเพิ่มการแท้งติดเชื้อ คลอดก่อนกำหนด ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด chorioamnionitis และการติดเชื้อหลังคลอดได้ นอกจากนี้ทารกสามารถติดเชื้อจากช่องทางคลอด โดยอาจไม่มีอาการรุนแรง หรือเกิด ophthalmia neonatorum

โรคหนองในเทียม (Chlamydia) เกิดจากการติดเชื้อ Chlamydia trachomatis เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยที่สุด โดยส่วนใหญ่สตรีที่ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการ โดยจะมีการติดเชื้อเฉพาะบริเวณปากมดลูก บางรายอาจมีปัสสาวะแสบขัด และการติดเชื้อบริเวณต่อม Bartholin และการติดเชื้ออาจลุกลามจนทำให้มีการติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานได้ Chlamydia trachomatis เป็นเชื้อที่มีขนาดเล็กอยู่ในเซลล์ ย้อมแกรมไม่ติดสี ทำให้มีผลต่อการตั้งครรภ์ เช่น เกิดการติดเชื้อไปยังทารกได้โดยเฉพาะเยื่อบุตาอักเสบ และปอดอักเสบของทารกหลังคลอด 

โรคพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis)  เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว Trichomonas vaginalis อาการได้แก่ มีตกขาวน้ำสีขาว เทา เหลือง เขียว มีฟอง และมีกลิ่น รู้สึกแฉะ คันช่องคลอด และปากช่องคลอด บางรายมีปัสสาวะแสบขัดร่วมด้วย   โดยโรคพยาธิในช่องคลอดในระหว่างการตั้งครรภ์ ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจกระตุ้นให้เกิดการคลอดก่อนกำหนดได้  แต่จะไม่มีการถ่ายทอดเชื้อไปที่ทารก

ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) เป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การใช้ของส่วนตัวร่วมกัน การใช้เข็มร่วมกัน รวมไปถึงถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกระหว่างตั้งครรภ์ โดยการถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากแม่ไปสู่ทารกมีความสำคัญมาก เพราะทารกที่ติดเชื้อจากแม่ที่เป็นพาหะมักไม่มีอาการแต่จะกลายเป็นโรคตับอักเสบบีเรื้อรัง คือ มีภาวะเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีในภายหลัง ถ้าแม่มีอาการตับอักเสบบีเฉียบพลันขณะตั้งครรภ์ มีโอกาสติดไปที่ลูกมากกว่าที่เป็นเรื้อรังหรือพาหะธรรมดา ดังนั้น คุณแม่ควรตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีก่อนตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ถ่ายทอดเชื้อไวรัสไปสู่ลูกในครรภ์

เชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์ (HIV/AIDS) เชื้อเอชไอวีสามารถส่งผ่านให้สู่ตัวอ่อนในครรภ์ หรือผ่านการให้นมเมื่อเด็กเกิดมาแล้ว อย่างไรก็ดี แม่มีเชื้อ ไม่จำเป็นว่าลูกจะต้องติดเชื้อเสมอไป ผู้ติดเชื้อควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจมีลูก หรือรีบไปฝากครรภ์ เพื่อรับการดูแลและป้องกันการส่งผ่านเชื้อสู่ลูก

การถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี จากมารดาสู่ทารก ได้ 3 ทางดังนี้

  1. ทางรก (transplacental  transmisssion) เชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถผ่านรกไปสู่ทารกในครรภ์ได้ อาจพบได้ตั้งแต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์
  2. ขณะคลอด(intrapartum) โดยการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งระหว่างคลอด
  3. ทางน้ำนม (breastfeeding) โดยอัตราการติดเชื้อเป็นได้ตั้งแต่ ร้อยละ 5-20 (2)  ซึ่งขึ้นกับปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ระดับ HIV-RNA ในมารดา ,ระดับภูมิคุ้มกันในมารดา , เต้านมมีความผิดปกติ เช่น การอักเสบ และระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมมารดา

ผลจากที่ติดเชื้อเอชไอวีในสตรีตั้งครรภ์ คือ เพิ่มการแท้งบุตร ทารกโตช้าในครรภ์ ทารกตายคลอด การคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักน้อย อัตราการตายปริกำเนิด และอัตราตายของทารก แต่หากสตรีตั้งครรภ์ได้รับยา HARRT ตั้งแต่แรกที่มาฝากครรภ์ พบว่าภาวะทารกโตช้าในครรภ์ การคลอดก่อนกำหนด และทารกน้ำหนักน้อยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับสตรีที่ไม่ได้รับยาต้านไวรัส

โรคซิฟิลิส (Syphilis) เกิดจากการติดเชื้อ Treponema pallidum เป็นแบคทีเรียชนิดเกลียว เชื้อเข้าสู่ร่างกายทางรอยฉีกขาดของผนังช่องคลอด และแพร่กระจายผ่านระบบหลอดเลือดและน้ำเหลือง ส่งผลให้มีการอักเสบของปลายหลอดเลือดเล็ก ๆ  ผนังหนาตัวและเกิดการอุดตันของรูหลอดเลือด ผิวหนังขาดเลือด ตายและเกิดแผล สามารถติดเชื้อจากมารดาไปยังทารกได้โดยการแพร่ผ่านรกโดยตรง และขณะคลอดทางช่องคลอดที่มีรอยโรค ซึ่งมีผลต่อการตั้งครรภ์ เช่น เพิ่มอัตราการแท้งหลัง 4 เดือน ทารกตายตอนคลอด คลอดก่อนกำหนด และทารกในครรภ์โตช้าทารกเป็นซิฟิลิสโดยกำเนิด และทารกบวมน้ำ เกิดจากระบบการทำงานของตับผิดปกติ ส่งผลให้มีภาวะซีดและเกล็ดเลือดต่ำในทารก มีน้ำในท้อง และเกิดการบวมน้ำได้

โรคหูดหงอนไก่ (condyloma accuminata) เกิดจากการติดเชื้อ Human papillomavirus (HPV) ชนิดที่เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยคือ สายพันธุ์ 6 และ 11 ติดต่อโดยผ่านทางผิวหนังสัมผัสผิวหนัง โดยผลต่อสตรีตั้งครรภ์  คือ ระหว่างการคลอดทางช่องคลอด อาจมีการติดเชื้อไปยังทารก ทำให้เกิด recurrent respiratory papillomatosis (RRP) ในทารกได้ ซึ่งจะทำให้ทารกมีหูดขึ้นที่บริเวณกล่องเสียง(larynx) เสียงแหบ และหายใจเหนื่อยได้ จำเป็นต้องมารักษาต่อเนื่องเรื้อรังในอนาคต หากขณะคลอดมีน้ำเดินเป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้ทารกติดเชื้อเพิ่มขึ้น 2 เท่า 

ผลของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่อสตรีตั้งครรภ์ และทารก

  • การติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในขณะตั้งครรภ์จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเหมือนกับคนทั่วไป คือ เกิดโรค มะเร็ง ตับอักเสบ อุ้งเชิงกรานอักเสบ เป็นหมัน
  • ผลต่อการตั้งครรภ์อาจจะทำให้เกิดแท้ง คลอดก่อนกำหนด ถุงน้ำแตกก่อนกำหนด มดลูกอักเสบหลังจากคลอดบุตรแล้ว
  • เชื้อโรคสามารถติดไปยังเด็กในขณะตั้งครรภ์ เช่นซิฟิลิส เอชไอวี หรือติดขณะเด็กคลอดเช่น หนองใน, หนองในเทียม,ไวรัสตับอักเสบบี และโรคเริม
  • ผลต่อเด็ก อาจจะทำให้เด็ก เสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์ เด็กน้ำหนักตัวน้อย เยื่อบุตาอักเสบ ปอดบวม พิการทางสมอง ตาบอด หูหนวก โรคตับ
  • โดยทั่วไปการให้นมมักจะปลอดภัย

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีหลาย ๆ โรค อาการแสดงแตกต่างกันไป ควรได้รับการรักษา และติดตามอาการอย่างเหมาะสม บางโรคส่งผลต่อการตั้งครรภ์ได้ และต้องมีการตรวจคัดกรองในสตรีตั้งครรภ์ การเลือกใช้ยาในการรักษาจำเป็นต้องคำนึงถึงผลข้างเคียงที่จะเกิดกับทารกในครรภ์ ทำให้ยาบางอย่างไม่สามารถใช้ได้ การเลือกใช้ยารักษาควรพิจารณาตามความจำเป็นเพื่อประโยชน์ต่อสตรีตั้งครรภ์ และทารกในครรภ์ด้วย

ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ภูเก็ตตรวจได้ที่ไหน?

ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก ให้บริการที่ใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมทั้งทีมงานที่มีความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและ การรักษา โดยคุณสามารถเข้ารับบริการได้ทั้ง walk-in หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ

ช่องทางการติดต่อ

สาขาลากูน่า

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาลากูน่า ตั้งอยู่ที่ 58/1 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83100
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 21.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id. @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ 096 236 2449
  • แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/SXaeLrSU9Lx47YPH6
  • จองคิวตรวจออนไลน์ https://pmclaguna.youcanbook.me

สาขาในเมือง

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาเมืองภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ 41/7-41/8  ตำบลตลาดเหนือ  อำเภอเมืองภูเก็ต  จ.ภูเก็ต 83000 
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 20.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id.   @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ  096 288 2449
  • แผนที่คลินิก   https://maps.app.goo.gl/yeU9qNArGg3qdwZw9 
  • จองคิวตรวจออนไลน์    https://pmctown.youcanbook.me

สาขาหอนาฬิกา

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก  สาขาหอนาฬิกา   206/8 ถ. ภูเก็ต ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์        10.00- 20.00น. (ช่วงเเรก)
  • สอบถามผ่าน Line id.  @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ   096 696 2449
  • แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/svPvTabmmD1DHe9v9
  • จองคิวตรวจออนไลน์  https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me

Similar Posts