ฝี เป็นภาวะที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แค่ตุ่มหนองเล็ก ๆ ที่สามารถหายได้เอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากใครเป็นฝีซ้ำ ๆ บ่อย ๆ อาจไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพราะมันอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังมีปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ การทำความเข้าใจสาเหตุของการเกิดฝีซ้ำ ๆ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแนวทางการรักษา และการป้องกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพในระยะยาว

ฝี คืออะไร?
ฝี (Abscess) คือ การติดเชื้อที่เกิดขึ้นในผิวหนังหรือเนื้อเยื่อ ทำให้ร่างกายสร้างหนองขึ้นมาล้อมรอบเชื้อโรคเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย หนองที่เกิดขึ้นประกอบด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายแล้ว แบคทีเรีย และเศษเนื้อเยื่อ ฝีมักปรากฏเป็นก้อนนูนแดง ร้อน เจ็บ และมีหนองภายใน หากปล่อยทิ้งไว้อาจปริแตกเองหรือทำให้เชื้อแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ได้
ทำไมฝีจึงเกิดซ้ำ ๆ บ่อย ๆ?
ฝี มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังพบบ่อย คือ Staphylococcus aureus อาศัย ช่องทางเข้า อย่างรูขุมขนที่อักเสบ แผลถลอก การเสียดสี หรือการโกนขน เมื่อเชื้อเข้าไป ระบบภูมิคุ้มกันจะกักเชื้อไว้เกิดเป็นโพรงหนอง หากปัจจัยกระตุ้น ยังอยู่ ก็มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
- สุขอนามัยไม่เพียงพอ
- เหงื่อ ความชื้น ผิวเสียดสี และเสื้อผ้าที่อับ (เช่น ชุดกีฬาที่ไม่ซักทันที) ทำให้เชื้อสะสมตามรักแร้ ขาหนีบ ก้น หลังคอ
- การใช้ของส่วนตัวร่วมกัน (ผ้าเช็ดตัว มีดโกน เสื้อกีฬา) ทำให้เชื้อหมุนเวียนในครัวเรือน/ทีมกีฬา
- ล้างแผลไม่ถูกวิธี หรือบีบฝีเอง ทำให้เชื้อกระจายเข้าชั้นลึก และกลับมาเป็นซ้ำ
- ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- ผู้สูงอายุ ผู้ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน/สเตียรอยด์ระยะยาว ผู้ป่วยไต/ตับเรื้อรัง หรือผู้ติดเชื้อเอชไอวี มีโอกาสติดเชื้อง่าย และหายช้า
- บางรายมีปัญหาเม็ดเลือดขาว/นิวโตรฟิลทำงานผิดปกติ ทำให้กำจัดเชื้อได้ไม่ดี → เกิดฝีซ้ำ
- โรคเบาหวาน (โดยเฉพาะคุมไม่อยู่)
- น้ำตาลสูงทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานด้อยลง แผลหายช้า เชื้อเจริญเติบโตดี
- ผู้ที่ HbA1c สูง มักมี ฝี—แผล—เชื้อรา เกิดซ้ำในตำแหน่งเดิม เช่น ขาหนีบ/ก้น/รักแร้
- เชื้อดื้อยา และการใช้ยาปฏิชีวนะไม่เหมาะสม
- หยุดยาก่อนกำหนด หรือใช้ยาผิดชนิด/ขนาด → เชื้อรอด และแข็งแรงขึ้น (เชื้อดื้อยา)
- S. aureus ชนิดดื้อยา (เช่น MRSA) สามารถอยู่ประจำถิ่น ที่รูจมูก/ผิว ทำให้เกิดฝีซ้ำ
- โรคผิวหนัง หรือการระคายเคืองเรื้อรัง
- สิวอักเสบ รูขุมขนอักเสบ ขนคุด การโกน/แว็กซ์ที่ทำให้เกิดไมโครแผล
- ภาวะเหงื่อออกมาก ผิวเสียดสี อ้วน (ผิวซ้อนพับ/อับชื้น)
- โรคเฉพาะเช่น hidradenitis suppurativa (ตุ่มหนอง/ฝีเรื้อรังบริเวณรักแร้ ขาหนีบ ก้น) ทำให้ขึ้นซ้ำตำแหน่งเดิม
สรุปสั้น: ฝีซ้ำเกิดจากเชื้อยังอยู่ + ทางเข้ายังมี + ภูมิคุ้มกัน/สภาพผิวเอื้อ หากไม่แก้ครบทุกมิติ มักวนซ้ำเดิม
สัญญาณเตือนว่าฝีซ้ำ ๆ บ่อย ๆ อาจเป็นปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง
แม้ฝีส่วนใหญ่รักษาได้ แต่สถานการณ์ต่อไปนี้บ่งชี้ว่าควรประเมินเชิงลึก:
- เป็นหลายแห่งพร้อมกัน หรือเกิดเป็น ช่อฝี (carbuncle) บ่งชี้เชื้อรุนแรง/ภูมิคุ้มกันอ่อน
- ขึ้นซ้ำตำแหน่งเดิม หรือมีทางระบายน้ำหนองเรื้อรัง สงสัยโพรงหนอง/ท่อเชื่อม (sinus tract) หรือโรคผิวหนังเรื้อรังร่วม
- หายช้า/ยุบยาก/กลับมาเร็ว ทั้งที่ทำแผล และกินยาถูกต้อง อาจมีเชื้อดื้อยา หรือโรคร่วมที่คุมไม่อยู่
- มีอาการระบบ: ไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย น้ำหนักลด เหนื่อยง่าย—ชี้การอักเสบระบบหรือโรคพื้นฐาน (เช่น เบาหวาน, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง)
- สงสัยฝีอวัยวะลึก: ปวดลึกเฉพาะที่ มีไข้ต่อเนื่อง เจ็บเวลาขยับ/หายใจ (ตับ ปอด ไต กล้ามเนื้อลึก)
- อยู่ในบริเวณเสี่ยง: ใบหน้า รอบตา สันจมูก กึ่งกลางหน้า (มีเส้นเลือดเชื่อมเข้าสมอง) หรืออวัยวะเพศ/ทวาร—ควรพบแพทย์ทันที
หากพบข้อใดข้อหนึ่ง ไม่ควรบีบ/เจาะเอง ควรพบแพทย์เพื่อค้นหาต้นเหตุ และป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อกระแสเลือด

ภาวะแทรกซ้อนจากการเป็นฝีซ้ำ ๆ
- การติดเชื้อกระแสเลือด (Sepsis) เชื้อจากฝีสามารถเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย เป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต อาการเตือนคือ ไข้สูง/หนาวสั่น หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว ความดันตก ซึม งง สับสน มือเท้าเย็น ผิวลาย หากฝีอยู่ใกล้เส้นเลือดใหญ่หรือปล่อยทิ้งไว้นาน ความเสี่ยงจะสูงขึ้น ต้องรีบรักษาในโรงพยาบาลด้วยยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือด และอาจต้องผ่าตัดระบายหนองเพิ่มเติม
- การลุกลามไปยังอวัยวะ/ชั้นเนื้อเยื่อใกล้เคียง จากฝีบนผิวหนังเชื้ออาจกระจายสู่ชั้นผิวหนัง และไขมันใต้ผิว (cellulitis) เกิดเส้นแดงพาดตามแนวต่อมน้ำเหลือง (lymphangitis), ลุกลามเข้ากล้ามเนื้อ/พังผืด, เข้า กระดูก (osteomyelitis) หรืออวัยวะภายในได้
บริเวณใบหน้า สามเหลี่ยมอันตราย รอบจมูก–ริมฝีปากบน เชื้ออาจเข้าสู่หลอดเลือดดำฐานกะโหลก ก่อ ลิ่มเลือดหลอดเลือดดำโพรงใหญ่ (cavernous sinus thrombosis) เสี่ยงต่อระบบประสาทตา และสมอง ต้องพบแพทย์ด่วน - การสร้างพังผืด โพรงหนอง หรือท่อเชื่อมเรื้อรัง (Sinus tract/Fistula) ฝีที่ไม่ได้รับการระบายหนองอย่างถูกต้องหรือเกิดซ้ำที่เดิม ร่างกายจะสร้างผนังหุ้มหนอง/ทางเดินหนอง ทำให้เกิดโพรงหนองเรื้อรัง ยุบ–ปะทุสลับกัน รักษายาก ต้องอาศัยการผ่าตัดเอาพังผืด/ทางเดินออก บริเวณขาหนีบ–รักแร้อาจสัมพันธ์กับ hidradenitis suppurativa ส่วนรอบทวารหนักอาจพัฒนาเป็น ทวารทวารหนัก (anal fistula) ซึ่งต้องรักษาเฉพาะทางศัลยกรรม
- ภาวะเชื้อดื้อยาที่รักษายากขึ้น การใช้ยาปฏิชีวนะไม่ครบโดส/ไม่ตรงเชื้อ ทำให้เชื้อรอด และแข็งแรงขึ้น (เช่น MRSA) นำไปสู่การเป็นฝีซ้ำ และแพร่ให้สมาชิกในบ้าน/ทีมกีฬาได้ การเพาะเชื้อ และทดสอบความไวต่อยาจึงสำคัญ เพื่อกำหนดยาที่ตรงเป้า ลดโอกาสดื้อยาในอนาคต
เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
- ฝีมีขนาดใหญ่ เจ็บมาก หรือบวมตึงผิดปกติ ขนาดใหญ่ขึ้นเร็ว ผิวตึงเงา เจ็บจนรบกวนการนอน/ทำกิจวัตร หรือมีความเจ็บปวดเกินสภาพแผลควรให้แพทย์ประเมิน เพราะอาจต้องกรีดระบายหนอง และให้ยาปฏิชีวนะ
- เป็นฝีซ้ำบ่อย แม้ดูแลความสะอาดแล้ว ชี้ว่ามีปัจจัยพื้นฐาน เช่น เชื้อดื้อยา เบาหวานคุมไม่อยู่ ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือโรคผิวหนังเรื้อรัง ต้องหาสาเหตุ และวางแผนป้องกันระยะยาว
- มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยทั้งตัว เป็นสัญญาณอักเสบระบบ/เสี่ยงลุกลาม ควรพบแพทย์โดยเร็ว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หรือเด็กเล็ก
- ฝีอยู่ในตำแหน่งเสี่ยง ใบหน้า รอบตา สันจมูก คอ หนังศีรษะ ริมฝีปาก อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือฝีที่ตำแหน่งก่อการกดทับเส้นประสาท/หลอดเลือด—ต้องให้แพทย์จัดการ ห้ามบีบ/เจาะเอง
- ฝีไม่ยุบภายใน 1–2 สัปดาห์ หรือยุบแล้วกลับมาเร็ว
อาจมีโพรงหนอง พังผืด หรือเชื้อเฉพาะที่ต้องระบาย และเพาะเชื้อ - สัญญาณฉุกเฉินที่ควรไปห้องฉุกเฉินทันที ผื่นแดงลามเร็วเป็นบริเวณกว้าง มีเส้นแดงพาดขึ้นแขน/ขา บวมรอบตาหนัก–ตามัว หายใจลำบาก ใจสั่น ความดันต่ำ ซึม สับสน ปวดรุนแรงมาก มีกลิ่นเหม็น/ผิวคล้ำดำหรือพองน้ำ (สงสัยเนื้อตายติดเชื้อ)
การวินิจฉัยฝีซ้ำ ๆ
ขั้นที่ 1: ซักประวัติ และตรวจร่างกายอย่างเป็นระบบ
- เวลา และความถี่ที่เกิดฝี ตำแหน่งเดิม/หลายตำแหน่ง ปัจจัยกระตุ้น (การโกน ความอับชื้น กีฬา เสื้อรัดแน่น)
- ของใช้ร่วมกันในบ้าน/ที่ทำงาน/ทีมกีฬา
- โรคร่วม (เบาหวาน ไต ตับ ผิวหนัง), ยาที่ใช้ (สเตียรอยด์/ยากดภูมิ), ประวัติแพ้ยา
- ตรวจผิวหนังทั้งตัว หาทางเข้าเชื้อ (ขนคุด สิว รูขุมขนอักเสบ แผลเกา) และสัญญาณอักเสบระบบ
ขั้นที่ 2: ตรวจทางห้องปฏิบัติการ (ตามดุลยพินิจแพทย์)
- น้ำตาลในเลือด + HbA1c: คัดกรอง/ประเมินการคุมเบาหวาน
- CBC (ความสมบูรณ์ของเลือด): ดูเม็ดเลือดขาว การติดเชื้อ หรือภาวะโลหิตจางร่วม
- การทำงานของไต/ตับ: วางแผนการใช้ยา และคัดกรองโรคร่วม
- HIV test (กรณีเสี่ยง/อาการเข้าได้): คัดกรองภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- เพาะเชื้อจากหนอง (wound/pus culture + sensitivity): ระบุเชื้อ และความไวต่อยาปฏิชีวนะ—สำคัญมากกรณีเป็นซ้ำ/สงสัยเชื้อดื้อยา (MRSA)
ขั้นที่ 3: ตรวจภาพวินิจฉัย (เมื่อต้องการหาฝีลึก/ภาวะแทรกซ้อน)
- อัลตราซาวด์ผิวนุ่ม (soft-tissue ultrasound): ช่วยยืนยันมีโพรงหนอง/ความลึก วางแผนเจาะระบาย
- CT/MRI: ใช้เมื่อสงสัยฝีในอวัยวะภายใน กล้ามเนื้อลึก ช่องท้อง ทรวงอก ศีรษะ/ใบหน้า
- ประเมินโรคผิวหนังเฉพาะทาง: หากลักษณะเข้ากับ hidradenitis suppurativa หรือโรคผิวหนังเรื้อรังอื่น
เป้าหมายการวินิจฉัย: ไม่ใช่แค่รักษาฝีครั้งนี้ แต่หาสาเหตุที่ทำให้เป็นซ้ำ เพื่อวางแผนป้องกันการกลับมา

การรักษาฝีที่เกิดซ้ำ
เป้าหมาย คือ ระบายหนองให้หมด + เลือกยาปฏิชีวนะให้ตรงเชื้อ + เคลียร์ปัจจัยเสี่ยง + ป้องกันการกลับมา (decolonization) ไม่ใช่แค่บีบหนองหรือกินยาอย่างเดียว
- การกรีดระบายหนอง (Incision & Drainage: I&D)
- เป็นวิธีมาตรฐานอันดับแรกสำหรับฝี/ตุ่มหนองที่ นิ่ม และมีโพรงหนอง เพราะการระบายหนองช่วยลดเชื้อ และแรงดันเฉพาะที่ ทำให้อาการปวด และอักเสบลดลงอย่างรวดเร็ว แพทย์จะทำในสภาพปลอดเชื้อ ชาเฉพาะที่ เปิดโพรง และจัดการแผงกั้นหนอง (loculations) จากนั้นใส่ผ้าก๊อซหรือสายระบายตามดุลยพินิจ และนัดล้างแผลติดตามผล
- อย่าบีบหรือเจาะเอง เพราะเสี่ยงให้เชื้อกระจายลึก/เข้ากระแสเลือด และเกิดพังผืดโพรงหนองเรื้อรัง ควรให้แพทย์ประเมินว่า ถึงระยะพร้อมเปิดระบาย หรือยัง และจำเป็นต้องทำซ้ำหรือไม่ตามการหายของแผล
- การใช้ยาปฏิชีวนะ
- ไม่ใช่ทุกเคสจำเป็นต้องมียาปฏิชีวนะเสมอ หลัง I&D แต่จะพิจารณาเมื่อมีอาการระบบ (ไข้ หนาวสั่น), มีเนื้อเยื่อเซลลูไลติสลามรอบฝี, ตำแหน่งเสี่ยง, ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือมีฝีหลายตำแหน่ง/เกิดซ้ำบ่อย ๆ ในชุมชนที่มี MRSA สูง แนวทาง IDSA แนะนำให้เลือกยาตามความเป็นไปได้ของเชื้อ และผลเพาะเชื้อเมื่อทำได้
- กินให้ครบตามแพทย์สั่ง สำคัญมาก เพื่อลดโอกาสเชื้อดื้อยา และการกลับมาเป็นซ้ำ หากได้ผลเพาะเชื้อ และความไวต่อยาแล้ว แพทย์จะปรับสูตรให้ตรงเชื้อที่สุด
- การรักษาโรคประจำตัว/ปัจจัยพื้นฐาน คุมเบาหวานให้อยู่ในเกณฑ์ดี (เช่น ลด HbA1c ตามเป้าหมาย) ลดความชื้น/การเสียดสีผิว ลดน้ำหนักหากมีภาวะอ้วน และทบทวนยากดภูมิที่ใช้ (ภายใต้คำแนะนำแพทย์) เพื่อเสริมสมรรถนะของภูมิคุ้มกันให้รับมือเชื้อได้ดีขึ้น (หลักฐานทางคลินิกชี้ว่าภูมิคุ้มกันต่ำ และน้ำตาลสูงทำให้หายช้า/เป็นซ้ำง่าย)
- การดูแลตนเองร่วม (Wound care & hygiene)
- ประคบอุ่นวันละ 3–4 ครั้ง ช่วยให้เลือดมาเลี้ยงดี และหนองนิ่มขึ้น (แต่อย่าบีบ) รักษาแผลให้แห้งสะอาด ปิดด้วยก๊อซสะอาด เปลี่ยนทุกวันหรือเมื่อชื้น/สกปรก
- หลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดแน่น/อับชื้น อาบน้ำหลังเหงื่อออก ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วม (ผ้าเช็ดตัว มีดโกน เสื้อกีฬา) และทำความสะอาดมือบ่อย ๆ ตามคำแนะนำการป้องกัน MRSA ของ CDC
- ดีโคโลไนเซชัน (Staphylococcal decolonization) ในรายที่เป็นซ้ำจริง ๆ
- จุดประสงค์ คือ ลดการเป็นพาหะของเชื้อบนผิว/ในจมูก ซึ่งเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดฝีซ้ำ โดยเฉพาะ S. aureus และ MRSA
- แนวทางที่ใช้บ่อย: ยาทาจมูกมูปีโรซิน 2% (mupirocin) วันละ 2 ครั้ง x 5 วัน + อาบ/ฟอกตัวด้วยคลอเฮกซิดีน 2% ทุกวันอย่างน้อย 5 วัน และเน้นให้ สมาชิกในบ้านทำพร้อมกัน ลดการส่งเชื้อไป–มา (บางแนวทางแนะนำอาบน้ำผสมสารฟอกเจือจางเป็นทางเลือกในบางกรณี) รายละเอียด และช่วงเวลาปรับเป็นรายบุคคลตามแพทย์เห็นสมควร
- เริ่มดีโคโลไนซ์ หลังรักษาฝีที่กำลังเป็นอยู่ และรับยาต้านจุลชีพครบคอร์สแล้ว และต้องย้ำสุขอนามัย/ซักเสื้อผ้า–ผ้าปูที่นอนด้วยน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงของใช้ร่วมกัน ตามแผนในครัวเรือน
การป้องกันการเกิดฝีซ้ำ ๆ
หลักการ: ตัดวงจร เชื้อ–ทางเข้า–สภาพแวดล้อมเอื้อ ให้ได้ครบ
- สุขอนามัยส่วนบุคคล และบ้าน
- อาบน้ำหลังเหงื่อออก/เล่นกีฬา เช็ดตัวให้แห้ง โดยเฉพาะรักแร้ ขาหนีบ ก้น เลือกเสื้อผ้าระบายอากาศ
- ซักผ้า–ผ้าเช็ดตัว–ชุดกีฬา บ่อย และน้ำอุ่น ตากแดด/ใช้เครื่องอบผ้าให้แห้งสนิท ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วม เช่น ผ้าเช็ดตัว มีดโกน เสื้อผ้า แปรงหวี ตามคำแนะนำ CDC และแนวทางชุมชน/ครัวเรือนในผู้มีความเสี่ยง MRSA
- ทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย (ลูกบิด ประตู อุปกรณ์ออกกำลังกาย) โดยเฉพาะในบ้านที่มีผู้ติดเชื้อผิวหนัง เพื่อลดการปนเปื้อนซ้ำ
- ลดทางเข้าเชื้อ หลีกเลี่ยงการโกน/แว็กซ์บริเวณที่กำลังอักเสบ รักษาสิว/รูขุมขนอักเสบให้ดีเพื่อลดไมโครแผล เลี่ยงเสื้อผ้ารัดแน่น/เสียดสีซ้ำที่เดิม (ต้นขา รักแร้ ก้น)
- คุมโรคร่วม และเสริมภูมิคุ้มกัน ควบคุมเบาหวานให้ได้เป้าหมาย นอนหลับเพียงพอ รับประทานอาหารครบหมู่ ลดน้ำหนักหากเกิน ช่วยลดโอกาสติดเชื้อผิวหนังซ้ำ (หลักระบาดวิทยา และเวชปฏิบัติทั่วไป)
- ใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล ใช้เมื่อมีข้อบ่งชี้ เลือกยาจากผลเพาะเชื้อ/แนวทาง และกินให้ครบ เพื่อป้องกันเชื้อดื้อยา ลดการกลับมาเป็นซ้ำ ตามแนวทาง IDSA และแผ่นข้อมูลผู้ป่วยของหน่วยงานสาธารณสุขสากล
- แผนสำหรับผู้เป็นซ้ำเรื้อรัง ปรึกษาแพทย์เรื่อง ดีโคโลไนซ์เป็นคอร์ส (mupirocin + คลอเฮกซิดีน) ทำพร้อมสมาชิกครัวเรือน และทบทวนทุก 3–6 เดือน หากยังเป็นซ้ำให้ปรับแผน/ตรวจซ้ำ รวมถึงพิจารณาปัจจัยซ่อนเร้น (เช่น hidradenitis suppurativa)
ทำไมควรเลือกใช้บริการรักษาที่ ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก
- ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและบริการมาตรฐานสากล ภูเก็ต เมดิคอล คลินิกให้บริการโดยทีมแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ใช้มาตรฐานการรักษาที่ทันสมัย ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย ไปจนถึงการดูแลติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
- การวินิจฉัยแม่นยำ และเทคโนโลยีทันสมัย คลินิกมีเครื่องมือ และห้องแล็บที่ได้มาตรฐาน สามารถตรวจสุขภาพเชิงลึก รวมถึงการตรวจเฉพาะด้าน เช่น โรคเรื้อรัง โรคติดเชื้อ หรืออาการแพ้ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
- บริการครอบคลุม และเข้าถึงง่าย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพทั่วไป การรักษาโรคเฉพาะทาง การฉีดวัคซีน หรือการให้คำปรึกษา ภูเก็ต เมดิคอล คลินิกจัดบริการครบวงจร พร้อมหลายสาขาในพื้นที่ เดินทางสะดวกทั้งสำหรับคนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยว
- ความปลอดภัย และความใส่ใจในผู้ป่วย คลินิกให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ป่วยทุกขั้นตอน มีระบบป้องกันการติดเชื้อที่ได้มาตรฐาน และบุคลากรที่พร้อมให้คำแนะนำอย่างเป็นมิตร
- การดูแลแบบองค์รวม ไม่เพียงแต่รักษาอาการ แต่ยังเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และให้คำปรึกษาด้านโภชนาการ ไลฟ์สไตล์ และสุขภาพจิต เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
การเป็นฝีซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังมีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือการติดเชื้อเรื้อรัง การตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้อง การรักษาที่เหมาะสม และการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ฝีไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก และทำให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ช่องทางการติดต่อ
สาขาลากูน่า
- ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาลากูน่า ตั้งอยู่ที่ 58/1 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83100
- เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 21.00 น.
- สอบถามผ่าน Line id. @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
- เบอร์โทรติดต่อ 096 236 2449
- แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/SXaeLrSU9Lx47YPH6
- จองคิวตรวจออนไลน์ https://pmclaguna.youcanbook.me
สาขาในเมือง
- ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาเมืองภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ 41/7-41/8 ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 83000
- เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 20.00 น.
- สอบถามผ่าน Line id. @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
- เบอร์โทรติดต่อ 096 228 2449
- แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/yeU9qNArGg3qdwZw9
- จองคิวตรวจออนไลน์ https://pmctown.youcanbook.me
สาขาหอนาฬิกา
- ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาหอนาฬิกา 206/8 ถ. ภูเก็ต ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000
- เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 10.00- 20.00น. (ช่วงเเรก)
- สอบถามผ่าน Line id. @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
- เบอร์โทรติดต่อ 096 696 2449
- แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/svPvTabmmD1DHe9v9
- จองคิวตรวจออนไลน์ https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me
เอกสารอ้างอิง
- World Health Organization (WHO). Antimicrobial resistance and skin infections. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/antimicrobial-resistance
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Staphylococcus aureus in Healthcare Settings. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/hai/organisms/staph.html
- National Health Service (NHS UK). Boils and carbuncles. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.nhs.uk/conditions/boils-and-carbuncles/
- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. ความรู้เรื่องการติดเชื้อแบคทีเรียและโรคผิวหนัง. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). การดูแลสุขอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อ. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.thaihealth.or.th