โรคโลน

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือ กลุ่มโรคที่ติดต่อจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง ส่วนใหญ่ติดต่อโดยการร่วมเพศ บางโรคอาจติดต่อกันโดยการสัมผัสทางเพศ หรือการถ่ายทอดสู่ลูกขณะอยู่ในครรภ์ ซิฟิลิส แผลริมอ่อน เริมอวัยวะเพศ ฝีมะม่วง หนองใน หนองในเทียม หูดหงอนไก่ หูดข้าวสุก พยาธิช่องคลอด เชื้อราช่องคลอด โลน

โรคโลน คืออะไร?

โรคโลน (Pediculosis Pubis หรือ Pubic Lice) คือ ปรสิตชนิดแมลงขนาดเล็ก มีขนาดเล็กมากประมาณ 1-2 มิลลิเมตร มีขา 3 คู่ แต่ที่ปลายขาหน้าจะมีลักษณะก้ามคล้ายขาปู ภาษาอังกฤษเรียกว่า crab louse ส่วนขานี้เองที่ใช้เป็นตัวเกี่ยวเส้นขนส่วนต่าง ๆ ตามร่างกาย มักอาศัยอยู่บนผิวหนัง และขนบริเวณรอบอวัยวะเพศ สามารถแพร่กระจายได้ง่ายในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ 

โลนที่อาศัยอยู่บนร่างกายแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่

  • ไข่โลน (Nit) มีลักษณะเป็นวงรี สีเหลือง หรือสีขาว ส่วนใหญ่มักติดอยู่ตามขน ซึ่งอาจสังเกตได้ยาก ไข่โลนอาจใช้ระยะเวลาประมาณ 6-10 วันในการฟักออกมาเป็นตัว
  • ตัวอ่อน (Nymph)  หลังจากออกมาจากไข่ โลนอาจมีขนาดเล็ก อาศัยอยู่ตามขนบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งอาจใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ในการเจริญเติบโตเป็นโลนเต็มวัยและสามารถสืบพันธุ์ต่อได้
  • โลนตัวเต็มวัย (Adult)  มีลักษณะเป็นสีน้ำตาล เทา ขาว ตัวเมียมักมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ โดยสามารถมองผ่านแว่นขยายได้ หากโลนตัวเต็มวัยตกลงบนพื้นหรือถูกกำจัดออกจากร่างกายส่วนใหญ่มักจะตายเองภายใน 1-2 วัน
โรคโลน

สาเหตุโรคโลน

เกิดจากแมลงขนาดเล็กที่มีชื่อว่า โลน (Pubic Lice) ซึ่งเป็นแมลงที่ไม่สามารถบิน หรือกระโดดได้ และต้องการเลือดมนุษย์เพื่อดำรงชีวิต โลนติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสอย่างใกล้ชิด เช่น การกอด จูบ แต่ที่มักพบได้บ่อยที่สุดคือการติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โดยสามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ

  • ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากตัวโลนมักอาศัยอยู่ที่อวัยวะเพศ ดังนั้นเวลามีเพศสัมพันธ์ โลนสามารถติดไปยังอีกคนหนึ่งได้ง่าย ๆ 
  • ติดต่อจากการใช้ของใช้ร่วมกัน หากใครในบ้านเป็นโรคโลน แล้วไม่ระวังตัวเอง และไปใช้ผ้าเช็ดตัว ใส่เสื้อผ้าร่วมกัน นอนเตียงเดียวกัน หรือแม้กระทั่งนั่งบนโถส้วมที่มีเชื้อโรคโลนอยู่ ก็สามารถทำให้เกิดการติดโรคโลนได้ เพราะโลนสามารถมีชีวิตนอกร่างกายได้นานถึง 24 ชั่วโมง ถึงโลนจะไม่สามารถกระโดดได้ แต่มันจะค่อยๆ คืบคลานไปตามขนและพื้นผิว 

อาการโรคโลน

  • มีอาการคันบริเวณอวัยวะเพศ บริเวณทวารหนัก หรืออาจมีอาการคันที่บริเวณอื่น ๆ เช่น ใต้รักแร้ บริเวณที่มีขน เช่น ขา หน้าอก ท้อง หรือหลัง หนวด เครา คิ้ว หรือขนตา
  • รู้สึกเป็นไข้ต่ำ ๆ อ่อนแรง หงุดหงิด ฉุนเฉียว หรือกระสับกระส่าย
  • สังเกตเห็นแมลงตัวเล็กมากๆ ตามขนที่อวัยวะเพศ มีสีน้ำตาลอ่อน หรือสีเทาขาว และมีลักษณะคล้ายปูตัวเล็กๆ หากมีสีเข้มขึ้นเมื่อไหร่ แสดงว่าโลนตัวนั้นได้กินเลือดเข้าไปแล้ว
  • ไข่ตัวโลนจะเกาะอยู่ด้านล่างโคนขนที่อวัยวะเพศ มีขนาดเล็กมาก และยากที่จะมองเห็น โดยจะมีลักษณะเป็นรูปไข่ มีสีเหลือง สีขาว หรือสีม่วง อยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนหลายๆ ใบ
  • รอยช้ำเล็ก ๆ จุดสีเข้ม หรือสีฟ้า จากการกัดบนผิวหนังบริเวณต้นขา หรือหน้าท้องส่วนล่าง
  • อาการคัน จะคันมากขึ้นในเวลากลางคืน
  • หากลองสังเกตให้ดีจะเห็นโลนเดินอยู่บนเตียงนอน มันมักจะหยุดอยู่นิ่งเมื่อเปิดไฟและเริ่มเดินอีกครั้งเมื่อดับไฟ 

การรักษาโรคโลน

  • การรักษาทำได้ง่าย โดยการใช้โลชั่นหรือแชมพูยา ทาบริเวณที่เป็น หากตรวจพบบริเวณขนตาหรือขนคิ้วจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะยารักษาเป็นอันตรายต่อดวงตา ยาบางชนิดชะโลมทิ้งไว้เพียง 10-15 นาที แล้วล้างออก บางชนิดต้องทาทิ้งไว้นานกว่านั้น และทำซ้ำอีกครั้งที่ระยะ 3-7 วันต่อมา เนื่องจากยาไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปในไข่โลนได้ทั้งหมด ต้องรอให้ฟักตัวออกมาก่อน
  • การโกนขนไม่ได้ช่วยทำให้การรักษาดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่อย่างน้อยก็ทำให้จำนวนไข่ที่จะฟักออกมามีจำนวนน้อยลง ท่านควรเผาขนที่โกนออกไปหรือจัดเก็บอย่างระมัดระวังเพราะโลนอาจคืบคลานไปติดผู้อื่นได้  ควรที่จะเปลี่ยนชุดเครื่องนอนทั้งหมดและผ้าเช็ดตัว โดยซักที่อุณหภูมิอย่างน้อย 50 องศาเซลเซียส เพื่อฆ่าโลนและไข่ทั้งหมด
  • ควรจะทำการรักษาผู้ป่วยและคู่นอนไปพร้อมๆ กัน  ทั้งๆ ที่คู่นอนอาจจะไม่มีอาการเลย เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ ควรที่จะแจ้งให้แพทย์ทราบเสมอ หากท่านกำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
  • สิ่งเดียวที่จะกำจัดโลนได้คือ ยาที่ฆ่าตัวโลนโดยตรง การรักษาเสริมอื่นๆ เช่น การอาบน้ำร้อน หรือโกนขนทิ้งไม่สามารถกำจัดต้นตอของสาเหตุไปได้ นอกจากนี้ยาบรรเทาอาการคันทั่วไปสามารถช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ แต่ไม่สามารถรักษาโลนให้หายขาด

วิธีป้องกันโรคโลน

  • หลีกเลี่ยงการมีกิจกรรมทางเพศกับผู้ที่ติดโลน เนื่องจากการมีกิจกรรมทางเพศร่วมกันในระหว่างที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งติดโลน จะทำให้เกิดแพร่กระจายได้ง่าย ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงจนกว่าจะรักษาโลนให้หายดีก่อน  เพราะถึงแม้ว่าจะใส่ถุงยางอนามัยก็อาจเสี่ยงติดเชื้อโลนได้ หากโลนอาศัยอยู่นอกถุงยาง
  • หลีกเลี่ยงการใช้ เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว หรืออุปกรณ์เครื่องนอนกับผู้ป่วย แม้ว่ามีโอกาสน้อยในการติดโลนผ่านเสื้อผ้า แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงเพราะโลนสามารถอาศัยอยู่ในเนื้อผ้าได้ในระยะสั้น ๆ หากใช้สิ่งของดังกล่าวต่อกันก็อาจทำให้ตัวโลนแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้
  • อาบน้ำให้สะอาด ควรอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเป็นประจำ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดโลน
  • หลีกเลี่ยงการลองชุดในห้างสรรพสินค้า ในการซื้อเสื้อผ้า ควรหลีกเลี่ยงการลองเสื้อผ้าจะดีที่สุด โดยเฉพาะชุดว่ายน้ำ หากต้องลองควรสวมใส่ชุดชั้นในขณะลองเพื่อป้องกันการติดโลน หรือเชื้อโรคอื่น ๆ ที่เป็นอันตราย
  • นอกจากนี้ควรได้รับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย เนื่องจากมักพบโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในผู้ที่ติดโลน

ติดต่อเรา

ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก ให้บริการที่ใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมทั้งทีมงานที่มีความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและ การรักษา โดยคุณสามารถเข้ารับบริการได้ทั้ง walk-in หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ

ช่องทางการติดต่อ

สาขาลากูน่า

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาลากูน่า ตั้งอยู่ที่ 58/1 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83100
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 21.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id. @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ 096 236 2449
  • แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/SXaeLrSU9Lx47YPH6
  • จองคิวตรวจออนไลน์ https://pmclaguna.youcanbook.me

สาขาในเมือง

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาเมืองภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ 41/7-41/8  ตำบลตลาดเหนือ  อำเภอเมืองภูเก็ต  จ.ภูเก็ต 83000 
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 20.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id.   @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ  096 288 2449
  • แผนที่คลินิก   https://maps.app.goo.gl/yeU9qNArGg3qdwZw9 
  • จองคิวตรวจออนไลน์    https://pmctown.youcanbook.me

สาขาหอนาฬิกา

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก  สาขาหอนาฬิกา   206/8 ถ. ภูเก็ต ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์        10.00- 20.00น. (ช่วงเเรก)
  • สอบถามผ่าน Line id.  @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ   096 696 2449
  • แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/svPvTabmmD1DHe9v9
  • จองคิวตรวจออนไลน์  https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me

Similar Posts

  • โรคไวรัสตับอักเสบซี อันตรายที่ป้องกันได้

    ไวรัสตับอักเสบ ซี เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิด ซี ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยพอควร ไวรัสตับอักเสบ ซี สามารถติดต่อกันทางเลือด การใช้เข็มร่วมกัน การฟอกไตในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง  แต่ไม่สามารถติดต่อกันได้ทางการให้นมบุตร การจามหรือไอรดกัน การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำด้วยกัน และการใช้ถ้วยชามร่วมกัน โดยทั่วไปผู้ป่วยมักจะไม่ทราบมาก่อนว่ามีเชื้อนี้อยู่ในร่างกาย จะทราบได้ก็ต่อเมื่อไปตรวจร่างกายแล้วพบค่าการอักเสบของตับผิดปกติ และตรวจเลือดพบการติดเชื้อ

  • โรคฝีมะม่วงป้องกันได้อย่างไร?

    โรคฝีมะม่วง (Lymphogranuloma Venereum: LGV) ถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เรื้อรัง ที่เกิดจากเชื้อคลาไมเดีย (Chlamydia Trachomatis) ซึ่งมักเกิดการติดเชื้อที่อวัยวะสืบพันธุ์หรือทวารหนัก ผู้ป่วยโรคนี้จะมีต่อมน้ำเหลืองโตที่ต้นขาข้างใดข้างหนึ่งหรือที่ขาหนีบ โดยจะเกิดตุ่มหรือแผลขนาดเล็กที่อวัยวะเพศก่อน จากนั้นต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบจะอักเสบ ทำให้เกิดอาการปวดบวมและเดินลำบาก นอกจากนี้ หากรูทวารอักเสบหรือมีแผล จะรู้สึกปวดบริเวณก้นตลอดเวลา อาจถ่ายไม่ออกหรือท้องร่วง หรือรูทวารตีบตันได้ ส่วนผู้หญิงที่ป่วยเป็นฝีมะม่วงจะทำให้อุ้งเชิงกรานอักเสบ ส่งผลให้ท้องนอกมดลูกได้ หรือปวดท้องน้อยเรื้อรัง รวมทั้งประสบภาวะมีบุตรยาก

  • โรคติดเชื้อซิฟิลิสโดยกำเนิด

    โรคซิฟิลิสแต่กำเนิด (Congenital syphilis) สามารถติดต่อผ่านทางแม่สู่ลูกระหว่างการตั้งครรภ์ หรือระหว่างการคลอดได้ ซึ่งนับเป็นการติดเชื้อที่รุนแรง และมีผลร้ายแรงอาจถึงแก่ชีวิตได้  โดยโรคซิฟิลิสแต่กำเนิดส่งผลต่อสุขภาพของทารก

    โรคซิฟิลิสแต่กำเนิด (Congenital syphilis) สามารถติดต่อผ่านทางแม่สู่ลูกระหว่างการตั้งครรภ์ หรือระหว่างการคลอดได้ ซึ่งนับเป็นการติดเชื้อที่รุนแรง และมีผลร้ายแรงอาจถึงแก่ชีวิตได้  โดยโรคซิฟิลิสแต่กำเนิดส่งผลต่อสุขภาพของทารก

  • ตรวจคัดกรองไวรัสเอชไอวี

    ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการรับเชื้อเอชไอวีควรรีบเข้ารับการตรวจคัดกรองเพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อ เนื่องจากการวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความกังวลใจ นอกจากนี้ถ้าผู้รับการตรวจติดเชื้อเอชไอวี จะทำให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง รวดเร็ว ได้รับทราบข้อมูลในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รวมถึงเทคนิคในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคเพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลายจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีและนำไปสู่ผู้ป่วยโรคเอดส์เต็มขั้น

  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เรื่องที่ผู้ชายควรรู้

    โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นโรคใกล้ตัว ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยางอนามัยมีโอกาสติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูง เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม เริม ซิฟิลิส หูดหงอนไก่ หรือติดเชื้อเอชไอวีจนพัฒนาไปสู่เอดส์ เพราะผู้ติดเชื้อบางรายก็ไม่แสดงอาการของโรคให้เห็นชัดเจน การป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์จึงเป็นเรื่องยาก และยังสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้อีกด้วย ซึ่งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคอาจรักษาให้หายได้ แต่บางโรคก็รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต  ดังนั้นการใช้ถุงยางอนามัยอาจเป็นทางเลือกที่ดีในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ แม้ไม่สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม เนื่องจากเชื้ออาจแพร่กระจายไปยังอวัยวะบริเวณอื่นได้ขณะทำกิจกรรมทางเพศ เช่น ทางปาก หรือทางทวารหนัก

  • วิธีป้องกันโรคหูดหงอนไก่

    โดยทั่วไปเชื้อไวรัสเอชพีวี ที่เป็นสาเหตุของโรคหูดหงอนไก่จะไม่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง แต่หากมีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี หลายสายพันธุ์รวมกัน โดยเฉพาะสายพันธุ์ชนิดความเสี่ยงสูง ก็อาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคหูดหงอนไก่ได้ เช่น การตกขาวที่มากผิดปกติ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งที่ปากหรือคอหอยในเพศหญิง และมะเร็งองคชาต หรือมะเร็งทวารหนักในเพศชาย