ยาเพร็พ แบบฉีด ก้าวสำคัญของการป้องกันเอชไอวี พร้อมเข้าถึงได้แล้วในภูเก็ต

ยาเพร็พ (PrEP หรือ Pre-Exposure Prophylaxis) เป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก แต่เดิม PrEP เป็นยารับประทานที่ต้องกินทุกวันจึงจะได้ผลสูงสุด อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่พบคือผู้ใช้หลายคนลืมหรือไม่สามารถกินยาต่อเนื่องได้ ทำให้ประสิทธิภาพลดลง ปัจจุบันมี PrEP แบบฉีด (Long-Acting Injectable PrEP) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหานี้ และข่าวดีคือบริการรูปแบบนี้ได้เริ่มเข้าถึงได้แล้วในประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ และการท่องเที่ยว

การทำความเข้าใจทุกมิติของ PrEP แบบฉีด ตั้งแต่กลไกการทำงาน ความแตกต่างกับ PrEP แบบกิน ข้อดี–ข้อจำกัด ผลข้างเคียงที่ควรรู้ สถานะการเข้าถึง รวมถึงเหตุผลที่ การเลือกใช้บริการในภูเก็ต เป็นโอกาสสำคัญสำหรับทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ

ยาเพร็พ แบบฉีด ก้าวสำคัญของการป้องกันเอชไอวี พร้อมเข้าถึงได้แล้วในภูเก็ต

ยาเพร็พ แบบฉีด คืออะไร?

ยาเพร็พ (PrEP) แบบฉีด คือ การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนสัมผัสเชื้อ (Pre-Exposure Prophylaxis) ด้วยยาต้านไวรัสชนิด cabotegravir long-acting (CAB-LA) ซึ่งฉีดเข้ากล้ามเนื้อสะโพกเป็นระยะ ยาออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ integrase ของเอชไอวี ทำให้ไวรัสไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปใน DNA ของเซลล์มนุษย์ได้ จึงป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดเด่น

  • ไม่ต้องกินยาทุกวัน—ฉีดเป็นรอบ ๆ ช่วยแก้ปัญหาลืมกินยา
  • มีหลักฐานวิจัยคุณภาพสูงว่า ประสิทธิภาพ ≥ หรือดีกว่า PrEP แบบกิน โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีปัญหาเรื่องความสม่ำเสมอ (adherence)
  • วิธีการฉีด: ฉีดทุก 2 เดือนหลังจากเข็มเริ่มต้น
  • ผลการป้องกัน: งานวิจัย (HPTN 083 และ HPTN 084) ยืนยันว่าประสิทธิภาพป้องกันเอชไอวีสูงกว่า PrEP แบบกินทุกวัน โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีปัญหาด้าน adherence (ความสม่ำเสมอในการใช้ยา)
  • กลไก: ยาไปยับยั้งเอนไซม์ integrase ของไวรัส ป้องกันไม่ให้ไวรัสแทรกตัวใน DNA ของเซลล์

ความแตกต่างระหว่าง ยาเพร็พ แบบฉีด กับ ยาเพร็พ แบบกิน

คุณสมบัติPrEP แบบกิน (TDF/FTC)PrEP แบบฉีด (CAB-LA)
วิธีใช้กินทุกวันฉีดทุก 2 เดือน
ประสิทธิภาพสูง ถ้ากินสม่ำเสมอสูงมาก และไม่ขึ้นกับการกินยาทุกวัน
ความสะดวกต้องพกยา และกินประจำแค่เข้ามาฉีดตามนัด
ผลข้างเคียงอาจมีผลต่อตับ ไต กระดูกในบางรายปวด/บวมบริเวณที่ฉีด, ราคาอาจสูงกว่า
เหมาะกับใครคนที่สามารถกินยาได้สม่ำเสมอคนที่ลืมกินยา/เดินทางบ่อย/ไม่อยากกินยาเป็นประจำ
ราคา/การเข้าถึงมักสูงกว่าในบางพื้นที่เข้าถึงง่าย/ต้นทุนต่ำกว่า

ใครเหมาะกับยาเพร็พ แบบฉีด?

  • ผู้ที่มี ความเสี่ยงต่อเอชไอวีอย่างต่อเนื่อง (เช่น มีคู่นอนใหม่/หลายคน มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยสม่ำเสมอ เป็นต้น)
  • ผู้ที่ ลืมหรือไม่สะดวกกินยา ทุกวัน (ทำงานเป็นกะ เดินทางบ่อย ไม่อยากพกยา)
  • ผู้ที่ กังวลการเปิดเผย (privacy) จากการพก/กินยา
  • ผู้ที่เคยมี ผลข้างเคียง/ข้อจำกัด กับ PrEP แบบกิน (เช่น ต้องเฝ้าระวังไต)

ผู้ใช้สารเสพติดฉีดเข้าเส้น (PWID) หรือกลุ่มอื่น ๆ ก็อาจพิจารณาได้ ขึ้นกับรูปแบบความเสี่ยง และความพร้อมของบริการในพื้นที่

ก่อนเริ่มฉีด_ การคัดกรอง และข้อห้าม_ข้อควรระวัง

ก่อนเริ่มฉีด การคัดกรอง และข้อห้าม/ข้อควรระวัง

  • ต้องตรวจให้แน่ใจว่าไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวีอยู่ก่อน
    • ตรวจ HIV Ag/Ab และ HIV-1 RNA (ถ้ามี) ใกล้วันเริ่มฉีด
    • ประเมิน อาการระยะติดเชื้อเฉียบพลัน (ไข้ เจ็บคอ ผื่น ต่อมน้ำเหลืองโต ฯลฯ) หากสงสัย ให้ เลื่อนฉีด และตรวจซ้ำด้วย RNA
  • ข้อห้าม/ควรระวังที่พบบ่อย
    • ติดเชื้อเอชไอวีอยู่แล้ว → ไม่ใช่ PrEP ต้องเข้าสู่การรักษา (ART)
    • แพ้ cabotegravir หรือส่วนประกอบ
    • ปฏิกิริยาระหว่างยา (drug interactions): ยาที่ กระตุ้นเอนไซม์ UGT1A1/UGT1A9 อย่างแรงอาจลดระดับยา (เช่น rifampin, carbamazepine, phenytoin, phenobarbital, rifapentine) → ต้องปรึกษาแพทย์
    • ตับ/ไตรุนแรง: ส่วนใหญ่ไม่ต้องปรับขนาดยาในไตเสื่อม แต่ผู้ที่มีโรคตับรุนแรงควรประเมินเป็นรายกรณี
    • ตั้งครรภ์/ให้นมบุตร: หลักฐานกำลังเพิ่มขึ้น หลายแนวทางอนุญาตพิจารณาได้ โดยเน้นการให้ข้อมูลครบถ้วน และตัดสินใจร่วม (shared decision)

ระหว่างใช้งาน การติดตาม และสิ่งที่ต้องทำทุกนัด

  • ตรวจเอชไอวีทุกครั้งก่อนฉีด (Ag/Ab ± RNA ถ้ามี) เพื่อกันการฉีดในขณะติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว (เสี่ยงเกิดดื้อยา)
  • คัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (ซิฟิลิส หนองใน คลามัยเดีย) ทุก 3–6 เดือน ตามความเสี่ยง  และตรวจ ตามตำแหน่งที่มีเพศสัมพันธ์ (ท่อปัสสาวะ/ทวารหนัก/คอหอย)
  • ประเมินอาการข้างเคียง โดยเฉพาะบริเวณฉีด และสอบถามอาการติดเชื้อเฉียบพลันระหว่างรอบ
  • ตรวจตั้งครรภ์ (ถ้าเกี่ยวข้อง) และให้คำปรึกษาเรื่องแผนการคุมกำเนิด/การตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย
  • ไม่จำเป็นต้องตรวจการทำงานไตเป็นระยะ (ต่างจาก TDF/FTC) แต่แพทย์อาจตรวจเลือดพื้นฐานตามเหมาะส

ข้อดีของยาเพร็พ แบบฉีด

  • สะดวก และเพิ่มความต่อเนื่อง (Adherence สูงขึ้น)
    • ไม่ต้องกินยาทุกวัน ลดความเครียดจากการพกยา/ตั้งเตือนทุกวัน
    • นัดฉีด เดือนที่ 1 (หลังเข็มแรก) แล้ว ทุก 2 เดือน ช่วยให้การป้องกันไม่ตกหล่น เพราะอิงการนัดหมายเพียงไม่กี่ครั้งต่อปี
    • เหมาะมากกับคนที่ ตารางชีวิตไม่แน่นอน เช่น ทำงานเป็นกะ เดินทางต่างจังหวัด/ต่างประเทศบ่อย หรือต้องการความเรียบง่ายในการดูแลตัวเอง
    • ทิปส์: ผูกนัดฉีดกับกิจวัตรประจำ (เช่น วันเงินเดือนออก) + ตั้งเตือนล่วงหน้า 1 สัปดาห์/3 วัน/เช้าวันนัด
  • ประสิทธิภาพสูงจากงานวิจัยคุณภาพ
    • การศึกษา HPTN 083 (ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย/สาวข้ามเพศ) และ HPTN 084 (ผู้หญิงในแอฟริกา) พบว่า CAB-LA ป้องกันเอชไอวีได้ดีกว่า PrEP แบบกิน (TDF/FTC) โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาปัจจัยลืมยา
    • ในโลกความจริง ผลลัพธ์มักดีกว่าแบบกิน เพราะ ไม่ต้องพึ่งวินัยการกินยา ทุกวัน
  • ตอบโจทย์คนที่ไม่สะดวกกินยา
    • ผู้ที่ ลืมยาเป็นประจำ, ไม่นิยมกลืนยา, หรือมีภาระงาน/การเดินทางสูง
    • ผู้ที่กังวล ผลต่อไต/กระดูก ของ TDF/FTC (แม้เกิดไม่บ่อย แต่ CAB-LA ไม่ต้องเฝ้าระวังไตแบบเดียวกัน)
    • ผู้ที่เคยมี ผลข้างเคียงจาก PrEP แบบกิน หรือมีข้อจำกัดทางการแพทย์ที่ทำให้การกินยาไม่เหมาะ
  • ลดความอาย/การถูกตีตรา (Privacy สูง)
    • ไม่ต้องพกยา ทำให้ลดโอกาสที่คนรอบข้างสังเกต
    • กระบวนการฉีดในคลินิก/สถานพยาบาลที่เป็นส่วนตัว ช่วยให้หลายคน สบายใจ และมั่นใจ มากขึ้นในการเข้ารับบริการ
  • ลดปัญหาการหยุดเว้นยาโดยไม่ตั้งใจ
    • เมื่อฉีดแล้ว ระดับยาจะคงอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน → ลดช่องว่างจากการหลุดลืมในชีวิตประจำวัน
    • มีหน้าต่างยืดหยุ่น รอบวันนัด (ขึ้นกับแนวทางแต่ละที่) ทำให้จัดเวลาได้ง่ายขึ้น
ข้อจำกัด และสิ่งที่ควรพิจารณา

ข้อจำกัด และสิ่งที่ควรพิจารณา

  • ราคา และการเข้าถึง ปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายของ PrEP แบบฉีดมักสูงกว่า PrEP แบบกิน และยังไม่ครอบคลุมทุกสิทธิในบางพื้นที่
    • สิ่งที่ทำได้:
      • สอบถาม โครงการสนับสนุน/แพ็กเกจ ของหน่วยบริการ
      • เปรียบเทียบ ค่าเดินทาง + เวลา (ไปฉีดทุก 2 เดือน) กับ ต้นทุน PrEP แบบกิน เพื่อคำนวณ ต้นทุนรวมที่เป็นจริงของคุณ
  • ผลข้างเคียงที่ตำแหน่งฉีด อาจมี ปวด/ตึง/คัน/บวม บริเวณสะโพกหลังฉีด (มักระดับเล็กน้อย–ปานกลาง และหายเองใน 1–3 วัน)
    • สิ่งที่ทำได้:
      • ประคบอุ่น/เย็นสลับ, ยืดเหยียดเบา ๆ
      • ใช้ยาแก้ปวดกลุ่มพาราเซตามอลตามคำแนะนำ
      • หากมี ผื่นรุนแรง หายใจลำบาก ไข้สูงต่อเนื่อง/หนอง ให้พบแพทย์ทันที
  • ต้องมาพบแพทย์ตามนัดทุก 2 เดือน ไม่เหมาะกับผู้ที่ ไม่สามารถมาพบแพทย์ได้สม่ำเสมอ (ต่างจังหวัด/ต่างประเทศนาน ๆ โดยจัดนัดไม่ได้)
    • สิ่งที่ทำได้:
      • วางแผน นัดล่วงหน้า ให้คร่อมช่วงเดินทาง
      • หากเสี่ยงพลาดนัดให้ปรึกษาเรื่อง PrEP แบบกินเพื่อครอบช่วงว่าง (bridging) ตามคำแนะนำผู้ให้บริการ
  • ยังต้องตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ PrEP ป้องกันเฉพาะเอชไอวี ไม่ครอบคลุม ซิฟิลิส หนองใน คลามัยเดีย เริม ไวรัสตับอักเสบ ฯลฯ
    • สิ่งที่ทำได้:
      • ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทุก 3–6 เดือน ตามความเสี่ยง และตรวจตามตำแหน่งที่มีเพศสัมพันธ์ (ท่อปัสสาวะ/ทวารหนัก/คอหอย)
      • ใช้ ถุงยางอนามัยสม่ำเสมอ + รับ วัคซีน HBV/HPV หากเหมาะสม
  • หางยาหลังหยุดฉีด (Pharmacokinetic tail) หลังหยุด CAB-LA ระดับยาจะคงอยู่ในเลือด นานหลายเดือน แต่อาจไม่พอป้องกัน → เสี่ยงเกิด เชื้อดื้อยากลุ่ม integrase หากติดเชื้อในช่วงนี้
    • สิ่งที่ทำได้:
      • หากจะหยุดฉีด ให้คุยกับแพทย์เรื่อง เริ่ม PrEP แบบกินชั่วคราว เพื่อครอบ tail period
      • ย้ำการใช้ ถุงยางอนามัย และตรวจเอชไอวีถี่ขึ้นระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่าน
  • ต้องแน่ใจว่าไม่ติดเอชไอวีอยู่ก่อน ทุกครั้งก่อนฉีด
    • ถ้าฉีดในช่วงที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว → เสี่ยงเกิด ดื้อยา
    • สิ่งที่ทำได้: ตรวจ HIV Ag/Ab ± RNA ก่อนฉีดทุกนัด และเลื่อนฉีดถ้ามีอาการเข้าได้กับการติดเชื้อเฉียบพลัน (ไข้ เจ็บคอ ผื่น ต่อมน้ำเหลืองโต)
  • ปฏิกิริยาระหว่างยา/ภาวะเฉพาะ
    • ยาบางชนิดที่ กระตุ้นเอนไซม์ UGT (เช่น rifampin, carbamazepine, phenytoin ฯลฯ) อาจลดระดับ CAB-LA
    • ในผู้ ตั้งครรภ์/ให้นมบุตร/โรคตับรุนแรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และตัดสินใจร่วมโดยใช้ข้อมูลล่าสุด

ผลข้างเคียง และความปลอดภัย

ที่พบบ่อย

  • ปวด/บวม/ตึง/คัน บริเวณสะโพกที่ฉีด (ส่วนมากเล็กน้อย-ปานกลาง และหายเอง)
  • เหนื่อยล้า ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ/ข้อ ไข้ต่ำ ๆ—พบไม่บ่อย และมักหายเอง

พบได้น้อย

  • อาการแพ้ยา/ผื่นรุนแรง—ควรพบแพทย์ทันทีหากมีหายใจลำบาก หน้าบวม ลมพิษ
  • ความผิดปกติของตับ—พบไม่บ่อย แต่จะมีการประเมินหากมีอาการผิดปกติ

เทคนิคบรรเทาอาการที่ฉีด

  • ประคบอุ่น/เย็นสลับ, ยืดเหยียดเบา ๆ, ใช้ยาแก้ปวดสามัญตามแพทย์/เภสัชกรแนะนำ
การป้องกันที่ครอบคลุม ไม่ใช่แค่ PrEP แบบฉีด

การป้องกันที่ครอบคลุม ไม่ใช่แค่ยาเพร็พ แบบฉีด

แม้ PrEP แบบฉีด (CAB-LA) จะลดความเสี่ยงเอชไอวีได้สูงมาก แต่ มันป้องกันเฉพาะเอชไอวี ไม่ครอบคลุมซิฟิลิส หนองใน คลามัยเดีย เริม ไวรัสตับอักเสบ ฯลฯ เพราะฉะนั้นเกราะป้องกันครบชุดควรรวม 4 เสาหลักต่อไปนี้

ใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอ (Condoms + Lubricants) ถุงยางอนามัยเป็นด่านหน้าที่ลดการรับ-แพร่ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้กว้างที่สุด (แบคทีเรีย/ไวรัสหลายชนิด)  และลดการอักเสบ/บาดเจ็บของเยื่อบุที่เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ

วิธีใช้ให้ได้ผลจริง

  • เลือกขนาด ให้พอดี ไม่หลวม/คับเกินไป; ตรวจวันหมดอายุ และสภาพซองก่อนใช้
  • ใส่ตั้งแต่ก่อนเริ่มสอดใส่จนเสร็จ บีบปลายถุงยางอนามัยไล่อากาศก่อนรูดลง
  • ใช้ สารหล่อลื่น (lube) สูตรน้ำหรือซิลิโคนกับถุงยางอนามัยลาเทกซ์ (หลีกเลี่ยงสูตรน้ำมัน—ทำให้ยางเปราะ)
  • เปลี่ยน ทุกครั้งที่เปลี่ยนคู่นอนหรือเปลี่ยนช่องทาง (ช่องคลอด/ทวารหนัก/ช่องปาก)
  • หลังเสร็จ จับขอบโคนก่อนดึงออก ป้องกันหลุด/หก แล้วมัดทิ้งอย่างถูกต้อง

แก้ปัญหาที่พบบ่อย

  • แตก/หลุดบ่อย → เช็กขนาด วิธีสวม ปริมาณลูบ (ใส่เพิ่มได้หากแห้ง)
  • แพ้ลาเทกซ์ → ใช้ถุงยางอนามัยโพลียูรีเทน/โพลีไอโซพรีน
  • เจ็บ/แห้ง → เพิ่มสารหล่อลื่น ลดแรงเสียดสี

ตรวจสุขภาพทางเพศทุก 3–6 เดือน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายชนิด ไม่มีอาการ แต่ยังแพร่ต่อได้ การตรวจสม่ำเสมอคือวิธีรู้ให้เร็ว รักษาให้ไว ตัดวงจรการติดเชื้อซ้ำ

ตรวจอะไรดี และตรวจที่ไหนบ้าง

  • ซิฟิลิส: ตรวจเลือด (เช่น RPR/TPHA)
  • หนองใน–คลามัยเดีย: ตรวจ ตามตำแหน่งที่มีเพศสัมพันธ์จริง ด้วย NAAT
    • ปัสสาวะ/ท่อปัสสาวะ
    • ทวารหนัก (ถ้ามี receptive anal sex)
    • คอหอย (ถ้ามี oral sex)
  • ไวรัสตับอักเสบ B/C: ตรวจเลือดตามความเสี่ยง/ประวัติวัคซีน
  • เริม/HPV: ประเมินตามอาการ/อายุ/ปัจจัยเสี่ยง

เคล็ดลับให้ทำได้จริง

  • ตั้งเตือนปฏิทิน ทุก 3–6 เดือน (ผูกกับนัดฉีด CAB-LA ได้ยิ่งดี)
  • สอบถามเรื่อง self-collection (เก็บตัวอย่างทวารหนัก/คอหอยด้วยตนเองในที่เหมาะสม) สะดวกและเพิ่มโอกาสตรวจ
  • ถ้าพบเชื้อ ให้ รักษาให้ครบคอร์ส + ชวนคู่นอนมาตรวจ/รักษาพร้อมกัน เพื่อป้องกันติดซ้ำไป-มา

รับวัคซีนที่เกี่ยวข้อง (HPV, ไวรัสตับอักเสบ B และตามความเสี่ยง)

  • ทำไมวัคซีนช่วยได้
    • HBV (ไวรัสตับอักเสบ B): ป้องกันการติดเชื้อ และโรคตับเรื้อรัง/มะเร็งตับในระยะยาว
    • HPV: ลดความเสี่ยงรอยโรคก่อนมะเร็ง และมะเร็งที่เกี่ยวข้อง (ปากมดลูก ทวารหนัก ช่องปาก-คอหอย) รวมถึงหูดหงอนไก่
    • พิจารณา HAV (ตับอักเสบ A) ในกลุ่มเสี่ยง (เช่น MSM/เดินทางบ่อย/บางอาชีพ)
  • วิธีเดินเกมวัคซีน
    • ตรวจ ภูมิคุ้มกันเดิม (เช่น HBV) ก่อนวางแผนเข็ม
    • บันทึกประวัติการฉีดในแอป/สมุดวัคซีน และยึดตารางนัดให้ครบ
    • ทบทวนวัคซีน ปีละครั้ง พร้อมการตรวจสุขภาพทางเพศ

การให้ความรู้ + สร้างทัศนคติไม่ตีตรา

  • ทำไมเรื่องทัศนคติจึงสำคัญ
    • ความอาย/กลัวการถูกมองลบ ทำให้หลายคน เลี่ยงการตรวจ/เลี่ยงดูแล ทั้งที่มีอาการหรือมีพฤติกรรมเสี่ยง
    • บริการที่เป็นมิตร และเคารพความเป็นส่วนตัว จะเพิ่มการเข้าถึง PrEP/PEP/การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์/วัคซีน อย่างมาก
  • ทำให้เกิดขึ้นได้อย่างไร
    • เลือกสถานบริการที่ รักษาความลับ ไม่ตีตรา และสื่อสารได้หลายภาษา (โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต)
    • ใช้ภาษาที่ เคารพความหลากหลายทางเพศ และพฤติกรรม (sex-positive) ในการสื่อสารกับคู่/เพื่อน
    • ตั้งแผนพูดคุยเรื่องเซ็กส์ปลอดภัย กับคู่นอนใหม่: ตกลงการใช้ถุงยางอนามัย การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ร่วมกัน และความถี่ติดตาม

ทำไมควรเลือกใช้บริการยาเพร็พ ที่ ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก

  • ศูนย์สุขภาพทางเพศที่ได้มาตรฐาน ภูเก็ต เมดิคอล คลินิกมีระบบบริการ PrEP ที่ครอบคลุมทั้ง PrEP แบบกิน และ PrEP แบบฉีด ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ และบุคลากรสุขภาพที่ได้รับการอบรมเฉพาะทาง ช่วยให้ผู้รับบริการมั่นใจได้ว่าการป้องกันเอชไอวีเป็นไปตามมาตรฐานสากล
  • ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย การใช้บริการ PrEP ต้องการความ เป็นส่วนตัว และการรักษาความลับทางการแพทย์ คลินิกให้ความสำคัญกับการจัดการข้อมูลที่ปลอดภัย ไม่ตีตราผู้รับบริการ และดูแลในบรรยากาศที่เป็นมิตร
  • เทคโนโลยี และการติดตามผลครบวงจร
    • บริการที่นี่ไม่ได้หยุดเพียงการให้ยา แต่ยังรวมถึง
    • การตรวจเอชไอวีก่อนเริ่ม และทุกครั้งตามนัด
    • การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
    • การติดตามผลข้างเคียงของยาอย่างใกล้ชิด
    • การให้คำปรึกษาเรื่องการป้องกันเสริม เช่น การใช้ถุงยางอนามัย การฉีดวัคซีน HPV และไวรัสตับอักเสบบี
  • การเข้าถึงสะดวกสำหรับทั้งคนไทย และต่างชาติ ภูเก็ตเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยว และการแพทย์ ทีมงานสามารถให้บริการได้หลายภาษา ทั้งภาษาไทย อังกฤษ และภาษาอื่น ๆ เพื่อรองรับทั้งคนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว
  • สถานที่ตั้ง และบรรยากาศ ทำเลใจกลางเมืองภูเก็ต เดินทางสะดวก ใกล้ย่านที่พัก และสถานที่ทำงาน บริการในบรรยากาศเป็นมิตร อบอุ่น และไม่กดดัน

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม

PrEP แบบฉีด เป็นนวัตกรรมใหม่ที่เปลี่ยนเกมการป้องกันเอชไอวี ด้วยประสิทธิภาพที่สูง ความสะดวกสบาย  และการตอบโจทย์ผู้ที่ไม่สะดวกกินยาทุกวัน การที่บริการนี้เข้าถึงได้แล้วใน ภูเก็ต จึงเป็นก้าวสำคัญของระบบสุขภาพไทยที่ช่วยให้ทั้งคนไทย และชาวต่างชาติสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

PrEP แบบฉีดไม่ใช่คำตอบเดียว แต่เป็นตัวช่วยเสริมพลัง ในการลดการแพร่ระบาดเอชไอวี ร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัย การตรวจสุขภาพ และการดูแลเชิงป้องกันอย่างรอบด้าน

ช่องทางการติดต่อ

สาขาลากูน่า

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาลากูน่า ตั้งอยู่ที่ 58/1 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83100
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 21.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id. @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ 096 236 2449
  • แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/SXaeLrSU9Lx47YPH6
  • จองคิวตรวจออนไลน์ https://pmclaguna.youcanbook.me

สาขาในเมือง

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาเมืองภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ 41/7-41/8  ตำบลตลาดเหนือ  อำเภอเมืองภูเก็ต  จ.ภูเก็ต 83000 
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 20.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id.   @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ  096 228 2449
  • แผนที่คลินิก   https://maps.app.goo.gl/yeU9qNArGg3qdwZw9 
  • จองคิวตรวจออนไลน์    https://pmctown.youcanbook.me

สาขาหอนาฬิกา

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก  สาขาหอนาฬิกา   206/8 ถ. ภูเก็ต ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์        10.00- 20.00น. (ช่วงเเรก)
  • สอบถามผ่าน Line id.  @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ   096 696 2449
  • แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/svPvTabmmD1DHe9v9
  • จองคิวตรวจออนไลน์  https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me

เอกสารอ้างอิง

  • World Health Organization (WHO). WHO recommends long-acting cabotegravir for HIV prevention. แนวทางและคำแนะนำสำหรับการใช้ CAB-LA เป็นทางเลือก PrEP แบบฉีดในประเทศต่าง ๆ (เผยแพร่ 28 ก.ค. 2022). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก World Health Organization และฉบับแนวทางเต็ม: Guidelines on long-acting injectable cabotegravir for HIV prevention. [ออนไลน์] World Health Organization
  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Clinical Guidance for PrEP (HIV Nexus). สรุปคำแนะนำการใช้ PrEP ทุกชนิด รวมถึง cabotegravir ฉีดทุก 2 เดือน เกณฑ์การคัดเลือกผู้ใช้ การติดตาม และความถี่ตรวจ. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก CDC (ดูเอกสารสรุปสำหรับบุคลากรแพทย์: Clinicians’ Quick Guide: What Is Injectable HIV PrEP? [PDF]). [ออนไลน์] CDC
  • UNAIDS / Global HIV Prevention Coalition. CAB-LA FAQs (Online version). คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ PrEP แบบฉีด ครอบคลุมนิยาม ประสิทธิภาพ ความถี่การฉีด และประเด็นการเข้าถึง. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก hivpreventioncoalition.unaids.org
  • Thailand National Guidelines for Pre-Exposure Prophylaxis (PrEP) 2021 (Chapters 1–2). แนวทางระดับชาติด้าน PrEP (พื้นฐาน/ระบบบริการ) ใช้ประกอบการวางระบบบริการ PrEP ในไทย (เอกสารภาษาอังกฤษฉบับประเทศไทย). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก hivpreventioncoalition.unaids.org
  • มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ (AIDS Access Foundation). PrEP แบบฉีด เปิดให้ลงทะเบียนแล้ววันนี้! บทความแนะนำ CAB-LA PrEP สำหรับประชาชน (ลักษณะ/รอบฉีด/การเข้าถึงในไทย). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก th.aidsid.or.th

Similar Posts

  • ตรวจเอชไอวีที่ภูเก็ตตรวจได้ที่ไหน?

    เอชไอวี (HIV) เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมทั้งโรคเอดส์ (AIDS) คือ เป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี เพราะร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ และอาจทำให้มีโรคแทรกซ้อนได้ เชื้อเอชไอวีจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่เรียกว่า CD4 (ซีดีโฟร์) ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันโรคของร่างกายลดต่ำลง ทำให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ เช่น วัณโรค ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น

  • การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน

    การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน (Pre wedding checkup) คือ การตรวจคัดกรองเพื่อประเมินสุขภาพก่อนการใช้ชีวิตร่วมกันของคู่รัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคู่รักที่กำลังวางแผนแต่งงาน ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มการทดสอบสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งเพศหญิงและชาย โดยการทดสอบ ได้รับการออกแบบโดยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้สามารถระบุถึงปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ เพื่อตรวจหาโรค และการติดเชื้อ รวมถึงลักษณะทางพันธุกรรมแฝง เช่น โรคทางกรรมพันธุ์ โรคติดเชื้อ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปสู่กันและกันของคู่รัก และสู่ลูกหลาน การวางแผนการตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานและมีบุตร จะช่วยสร้างความพร้อม ความมั่นใจ และความเข้าใจให้กับคู่รัก รวมถึงช่วยวางแผนชีวิตให้กับสมาชิกในครอบครัวในระยะยาว ทั้งยังช่วยให้มีความเข้าใจในสถานะทางสุขภาพของคู่ชีวิตได้เป็นอย่างดี

  • วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ฉีดได้ที่ ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก

    วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นวัคซีนชนิดฉีด ผลิตจากเชื้อที่ตายแล้ว โดยผ่านกระบวนการผลิตที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง ในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ แต่ผู้ฉีดวัคซีนแล้วยังอาจเป็นไข้หวัดใหญ่ได้แต่อาการจะน้อยลง วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไม่ป้องกันไข้หวัดทั่วไปที่เกิดจากเชื้ออื่น ๆ ได้

    วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่มีใช้ในประเทศไทยเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย ซึ่งมี 2 กลุ่ม ได้แก่

    1.    กลุ่มที่มีส่วนประกอบของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์หลัก (trivalent inactivated influenza vaccine) คือ influenza A influenza B และ influenza C

    2.    กลุ่มที่มีส่วนประกอบของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์หลัก (quadrivalent inactivated influenza vaccine)  ซึ่งครอบคลุมไวรัส 4 สายพันธุ์ดังต่อไปนี้

    1. ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A/H1N1
    2. ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A/ H3N2
    3. ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ตระกูล Victoria
    4. ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ตระกูล Yamagata

  • ตรวจเอชไอวี กี่วันรู้ผล ?

    ตรวจเอดส์ กี่วันรู้ผล ขึ้นอยู่ กับวิธีตรวจ จำนวน คนเข้ารับการตรวจ และขึ้นอยู่ กับสถานพยาบาลนั้น โดยทั่วไป การตรวจเอชไอวี จะสามารถ ทราบผลได้ใน 1-2  หรืออาจจะนัดฟังผล อีกวัน หรือนัดมา อีกสัปดาห์

    ปัจจุบัน มีการตรวจแบบ Rapid HIV Test ซึ่งนิยม นำมาใช้ ในการตรวจคัดกรอง เบื้องต้น วิธีการตรวจรูปแบบ นี้จะสามารถให้ผลตรวจ ได้ภายใน 20 นาทีเท่านั้น การตรวจด้วยวิธีการนี้ ถือว่า มีความรวดเร็ว ในการตรวจ กว่าวิธีอื่น ๆ จึงมีการใช้วิธีนี้เป็นเป็นเพียงการตรวจเพื่อคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น

  • วัคซีนป้องกันเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือโรคฮิบ

    วัคซีนป้องกันเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือ วัคซีนฮิบ (Hib Vaccine) คือ วัคซีนที่ใช้ป้องกันการติดเชื้อ Haemophilus influenzae type b (Hib) เชื้อฮิปเป็นกลุ่มแบคทีเรียที่สามารถอาศัยอยู่ในโพรงจมูกและลำคอของคนที่มีสุขภาพดีโดยไม่ก่อให้เกิดอาการใดๆ  แบคทีเรียฮิบจะแพร่กระจายในลักษณะคล้ายกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ โดยเชื้อโรคฮิบ จะผ่านไปกับละอองของเหลวจากการไอและจามของมนุษย์, การติดเชื้อโรคฮิบ ในทารกและเด็กเล็กสามารทำให้เกิดโรคปอดบวม,  กล่องเสียงอักเสบ, หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นปัจจุบันจึงใช้เป็นหนึ่งในวัคซีนทางเลือกโดยเฉพาะในเด็กที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคฮิบ   

  • ตรวจรักษาโรคทั่วไป ตรวจอะไรบ้าง? 

    ตรวจรักษาโรคทั่วไป เป็นการบริการตรวจรักษาผู้ป่วยโรคทั่วไป  ด้วยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการตรวจ วินิจฉัย และรักษาโรค ในกรณีที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง  หรือต้องผ่าตัด เรายังมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หลากหลาย สาขาวิชา ที่พร้อมให้การดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด