ตรวจระดับฮอร์โมน

ฮอร์โมนในตัวเรานั้น มีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก เพราะกิจกรรมที่เราทำในแต่ละวันล้วนแล้วแต่มีฮอร์โมนเป็นส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น เมื่อฮอร์โมนเปลี่ยนไปก็ส่งผลโดยตรงกับสุขภาพ หากฮอร์โมนเสียสมดุลเรื้อรังเป็นระยะเวลานาน อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการ อ่อนล้า อ่อนเพลีย ซึมเศร้า หรือนอนไม่หลับได้ สมดุลฮอร์โมน จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลต่อทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

การตรวจระดับฮอร์โมน คืออะไร?

การตรวจระดับฮอร์โมน หรือการตรวจเลือดวิเคราะห์ฮอร์โมน ( Hormone Assays ) เป็นการตรวจหาความผิดปกติของฮอร์โมนต่างๆ เพื่อให้รู้ว่าฮอร์โมนแต่ละชนิดมีการหลั่งออกมามากหรือน้อยกว่าปกติหรือไม่ เป็นหนึ่งในวิธีหาสาเหตุของความผิดปกติในร่างกาย เมื่อทราบว่าฮอร์โมนใดที่ผิดปกติแล้ว ก็สามารถสืบย้อนกลับไปได้ว่าฮอร์โมนตัวนั้นหลั่งออกมาจากต่อมใดจนพบปัญหาที่แท้จริง และแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง ตรงจุด ซึ่งจะมีการตรวจระดับฮอร์โมนต่างๆในเลือด เช่น FSH, LH, Estradiol, Progesterone, ฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ,Prolactin,TSH, FT4, ACTH, Cortisol เป็นต้น

ตรวจระดับฮอร์โมน

ความสำคัญการตรวจระดับฮอร์โมน

  • การตรวจวัดระดับฮอร์โมนในร่างกายช่วยให้เข้าใจได้ถึงระดับฮอร์โมนและความไม่สมดุล
  • ช่วยวินิจฉัยและรักษาความผิดปกติของฮอร์โมนต่างๆ เช่น ภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) และภาวะต่อมหมวกไตทำงานไม่เพียงพอ
  • ช่วยในการระบุสาเหตุของปัญหาสุขภาพหรืออาการบางอย่าง เช่น ความเหนื่อยล้า น้ำหนักขึ้น อารมณ์แปรปรวน และภาวะมีบุตรยาก
  • ช่วยให้ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพสามารถพัฒนาแผนการรักษาที่กำหนดเป้าหมายเฉพาะบุคคลได้มากขึ้นโดยอิงตามระดับฮอร์โมนและความต้องการ
  • สามารถนำไปสู่การปรับปรุงสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยจัดการกับความไม่สมดุลของฮอร์โมนที่อาจส่งผลต่อการทำงานของร่างกาย
  • ประเมินประสิทธิผลของการบำบัดด้วยการล้างพิษสำหรับความเป็นพิษของโลหะหนัก

ทำไมต้องวัดระดับฮอร์โมน? 

เมื่ออายุมากขึ้น ฮอร์โมนหลายตัวเริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยฮอร์โมนหลัก ๆ ที่ลดลงอย่างชัดมีทั้งหมด 4 ฮอร์โมนที่ควรรู้จักไว้เลยค่ะ

  • ฮอร์โมนไทรอยด์ หากมีภาวะระดับฮอร์โมนลดลง อาจนำมาซึ่งการเผาผลาญพลังงานน้อยกว่าปกติ ส่งผลให้ง่วงนอนบ่อย ขี้หนาว ผมร่วงได้ง่าย เหนื่อยง่าย ผิวแห้ง หลงลืม น้าหนักขึ้น ท้องผูก และเป็นตะคริว  การพบแพทย์เพื่อรักษาด้วยการใช้ยาจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
  • ฮอร์โมนต่อมหมวกไต หากคุณมีอาการตื่นนอนยากในตอนเช้า ระหว่างวันรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา นั่นเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าคุณกำลังเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนต่อมหมวกไต  ทำให้ฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมหมวกไต ผลิตได้ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ฮอร์โมนที่สำคัญที่สร้างจากต่อมหมวกไตชั้นนอก ได้แก่  ฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol)  และฮอร์โมนมิเนอร์ราโลคอร์ติคอยด์ (mineralocorticoid) ส่งผลให้เกิดอาการทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ความดันโลหิตต่ำ เกลือแร่โซเดียมและโพแทสเซียมในเลือดผิดปกติ รวมถึงอาจตรวจพบน้ำตาลต่ำในเลือดได้  เป็นผลทำให้กินอาหารหวานและเค็มมากขึ้น และทำให้เกิดโรคอื่น ๆ แทรกซ้อนได้ เช่น โรคไต และเบาหวานตามมาอย่างไม่คาดคิด
  • ฮอร์โมนเพศ เป็นตัวควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกาย และการทำงานของระบบสืบพันธุ์ และยังช่วยให้สุขภาพดี จิตใจแจ่มใส เบิกบาน หากฮอร์โมนลดลงเมื่อไหร่ล่ะก็ ภาวะความผิดปกติทั้งร่างกาย และจิตใจเกิดขึ้นได้แน่นอน เช่น
    • ในผู้ชาย จะมีอาการ เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ความจำพร่าเลือน ขาดสมาธิ ขาดแรงกระตุ้นทางเพศ สมรรถภาพทางเพศเสื่อมหรือลดลง ปวดหลัง ปวดข้อ ขาดความกระปรี้กระเปร่า พละกำลังลดลง หดหู่ ซึมเศร้า ท้อแท้ต่อชีวิต อารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย ตื่นตระหนก วิตกกังวล มีความเครียดสูง
    • ในผู้หญิง จะมีอาการค่อนข้างชัดเจน และสังเกตเห็นได้ง่ายกว่า เช่น ประจำเดือนไม่มาติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือน ที่เรียกว่าอาการวัยทอง หรือประจำเดือนหมด (menopause) ทำให้มีอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออก เฉื่อยชา ขาดชีวิตชีวา อารมณ์หดหู่ ซึมเศร้า หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย เครียด วิตกกังวล ความจำพร่าเลือนหรือขาดสมาธิ ปวดศีรษะ หน้าอกหย่อนยาน การตอบสนองทางเพศไม่เป็นที่น่าพอใจ ช่องคลอดขาดความชุ่มชื้น สุขภาพผมและผิวเสียสมดุล และที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ จะมีภาวะกระดูกพรุน
  • โกรทฮอร์โมน เป็นฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นมาจากต่อมใต้สมอง ทำหน้าที่ในการช่วยเสริมสร้างฟื้นฟูร่างกายให้เจริญเติบโตสมวัย  และช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายในวัยผู้ใหญ่  เป็นอีกหนึ่งฮอร์โมนที่สำคัญมากเช่นกัน เช่น
    • ในเด็กที่ขาดโกรทฮอร์โมน จะมีหน้าตาที่ดูอ่อนกว่าอายุจริง รูปร่างเตี้ยเล็กแต่สมส่วน อ้วนกลมเนื่องจากมีไขมันสะสมบริเวณลำตัวมาก ถ้าเป็นเด็กชายมักมีอวัยวะเพศเล็กไม่สมวัย อย่างไรก็ตามภาวะขาดโกรทฮอร์โมน ไม่มีผลกระทบต่อระดับสติปัญญาของเด็ก
    • ในผู้ใหญ่ที่ขาดฮอร์โมน มีความเสี่ยงต่อการเกิดผลเสียต่อร่างกายมากกว่าคนทั่วไป โดยจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือความบกพร่องบางอย่าง เช่น โรคอ้วน, โรคเบาหวาน, โรคของหัวใจและหลอดเลือด, โรคกระดูกพรุนและเกิดกระดูกหักเมื่อสูงอายุ, ประสิทธิภาพทางกายลดลง ทำให้อ่อนล้าง่าย ใช้แรงมากไม่ได้และทนการออกกำลังกายนานไม่ได้, ผิวบางและแห้ง, สุขภาวะทางจิตลดลง ไม่ชอบเข้าสังคม แม้แต่การพูดคุยกับเพื่อนฝูงหรือคนในครอบครัว และอาจเกิดภาวะวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้า

อาการที่เกิดจากฮอร์โมนไม่สมดุล 

  • ระดับพลังงานในร่างกายลดลง อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
  • ประจำเดือนผิดปกติ หรือประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
  • อาการช่วงก่อนมีประจำเดือนมาก (PMS) เช่น หงุดหงิด นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ไมเกรนกำเริบ
  • ระบบเผาผลาญในร่างกายลดลง อ้วนง่าย
  • ร้อนวูบวาบ
  • เหงื่อออกกลางคืนเวลานอน
  • สุขภาพผิวเปลี่ยนแปลง สิวอักเสบ ผิวพรรณเปลี่ยนไป ผิวแห้กร้าน มีริ้วรอยเหี่ยวย่น
  • ผมหลุดร่วงมากผิดปกติ
  • มวลกล้ามเนื้อลดลง 
  • ปริมาณไขมันสะสมเพิ่มขึ้น 
  • ภาวะกระดูกบาง กระดูกพรุน
  • ความจำลดลง ภาวะสมองเสื่อม 
  • คุณภาพการนอนหลับผิดปกติ นอนไม่ค่อยหลับ หลับไม่สนิท ตื่นมาไม่สดชื่น
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า ภาวะเครียดสะสม 
  • ความรู้สึกทางเพศหรือสมรรถภาพทางเพศลดลง ช่องคลอดแห้ง
  • มีความเสี่ยงภาวะไขมันในเลือดสูง 
  • มีความเสี่ยงโรคหัวใจขาดเลือด 
  • เหล่าอาการไม่พึงประสงค์เป็นๆหายๆไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

ดังนั้นจึงควรตรวจเช็คระดับฮอร์โมนที่สำคัญและปรับระดับฮอร์โมนให้เข้าสู่ภาวะสมดุลอีกครั้ง 

การตรวจระดับฮอร์โมนทำอย่างไร

การตรวจระดับฮอร์โมนทำอย่างไร?

การตรวจระดับฮอร์โมนทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่ใช้กันมากที่สุดก็คือ การตรวจระดับฮอร์โมนจากเลือด เพราะสามารถตรวจได้ทั้งระบบฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) คอร์ติซอล (Cotisol) และฮอร์โมนไทรอยด์ (Thyroid) ผู้ที่เข้ารับการตรวจระดับฮอร์โมน ควรเลือกโปรแกมตรวจให้เหมาะสมกับเพศของตนเอง เช่น ผู้หญิงอาจเลือกโปรแกรมที่เน้นตรวจฮอร์โมนเพศที่ต่างกับผู้ชาย การตรวจอีกประเภทที่พบได้ทั่วไป คือการตรวจระดับฮอร์โมนจากน้ำลาย ก็สามารถตรวจระดับฮอร์โมนได้หลายชนิดเช่นกัน เช่น เอสตราดิออล (Estradiol) โปรเจสเตอโรน (Testosterone) แต่ได้รับความนิยมน้อยกว่าการตรวจเลือดมาก

การตรวจระดับฮอร์โมน ตรวจอะไรบ้าง?

ตัวอย่างฮอร์โมนที่ทำหน้าที่สำคัญในร่างกาย ซึ่งมักมีในรายการ การตรวจระดับฮอร์โมน เช่น

  • ฮอร์โมนไทรอยด์ (TSH, T3, T4) ทำหน้าที่ควบคุมหลายระบบในร่างกาย เช่น ควบคุมน้ำหนัก และการเผาผลาญพลังงานของเซลล์ ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย สร้างพลังงานของร่างกาย  รวมทั้งเรื่องเกี่ยวข้องกับการสร้างผิว ผม เล็บ และยังส่งผลเรื่องอารมณ์ เป็นต้น
  • ฮอร์โมนเพศ (Estradiols, LH, FSH, Testosterone, Estrogen, Progesterone) ซึ่งมีหน้าที่ในการพัฒนา ควบคุมลักษณะทางเพศ ควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกาย และการทำงานของระบบสืบพันธุ์  เมื่ออายุมากขึ้นฮอร์โมนเพศจะลดลง และเข้าสู่วัยทองในที่สุด
  • ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง (FSH, LH) ซึ่งทำหน้าที่สั่งการให้รังไข่ หรืออัณฑะสร้างฮอร์โมนเพศ
  • ฮอร์โมนโปรแลคติน (Prolactin) เป็นฮอร์โมนที่จะหลั่งออกมามากกรณีตั้งครรภ์และให้นมบุตร แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในสองภาวะนี้แล้วร่างกายสร้างออกมามากเกินไป เช่น มีเนื้องอกที่สร้างโปรแลคติน อาจส่งผลต่อการสร้างฮอร์โมนเพศทำให้รอบเดือนผิดปกติในผู้หญิง หรือมีปัญหาสมรรถภาพทางเพศหรือมีบุตรยากในผู้ชาย
  • ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต (Cortisol, Aldosterone, DHEA)  ช่วยกำจัดความเครียด หรือทำหน้าที่หลักในการรับต่อความเครียดต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นทางกาย เช่น การเจ็บป่วย การถูกกดการสร้างฮอร์โมนจากยาสมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน หรือทางจิตใจ เช่น ความเครียดจากการทำงาน ปัญหารอบตัวในชีวิตประจำวัน จนเกิดภาวะอ่อนล้าของร่างกาย  และยังควบคุมสมดุลแร่ธาตุในร่างกาย และการกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ
  • ฮอร์โมนเสริมสร้าง และช่วยในการเจริญของเซลล์ (Growth hormone, IGF-1 , IGF-BP3)  เกี่ยวข้องกับเมตาบอลิซึม การเจริญเติบโต และการฟื้นฟูของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย  หรือทำหน้าที่ซ่อมแซมร่างกาย  บางคนก็เรียกว่า ฮอร์โมนแห่งความอ่อนเยาว์ เพราะอายุยิ่งมาก ฮอร์โมนตัวนี้ก็จะยิ่งลดลง
  • ฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด หรือช่วยในการนำน้ำตาลเข้าเซลล์เพื่อไปใช้ให้พลังงาน ถ้าร่างกายมีอินซูลินสูงเกินไป ก็อาจส่งผลให้มีภาวะดื้อต่ออินซูลินเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคทางเมตาบอลิคต่างๆ เช่น รับความเครียด ความกดดันในชีวิตประจำวันได้ลดลง ภาวะอ้วนลงพุง โรคเบาหวาน โดยมักตรวจอินซูลินควบคู่ไปกับระดับน้ำตาลในวันนั้นเพื่อนำมาวิเคราะห์สมดุลของอินซูลินและระดับน้ำตาล

ตรวจระดับฮอร์โมน ที่ภูเก็ตตรวจได้ที่ไหน?

ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก ให้บริการที่ใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมทั้งทีมงานที่มีความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและ การรักษา โดยคุณสามารถเข้ารับบริการได้ทั้ง walk-in หรือนัดหมายล่วงหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการ

ช่องทางการติดต่อ

สาขาลากูน่า

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาลากูน่า ตั้งอยู่ที่ 58/1 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83100
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 21.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id. @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ 096 236 2449
  • แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/SXaeLrSU9Lx47YPH6
  • จองคิวตรวจออนไลน์ https://pmclaguna.youcanbook.me

สาขาในเมือง

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก สาขาเมืองภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ 41/7-41/8  ตำบลตลาดเหนือ  อำเภอเมืองภูเก็ต  จ.ภูเก็ต 83000 
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 20.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id.   @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ  096 288 2449
  • แผนที่คลินิก   https://maps.app.goo.gl/yeU9qNArGg3qdwZw9 
  • จองคิวตรวจออนไลน์    https://pmctown.youcanbook.me

สาขาหอนาฬิกา

  • ภูเก็ต เมดิคอล คลินิก  สาขาหอนาฬิกา   206/8 ถ. ภูเก็ต ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000
  • เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์        10.00- 20.00น. (ช่วงเเรก)
  • สอบถามผ่าน Line id.  @pmcphuket (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ   096 696 2449
  • แผนที่คลินิก https://maps.app.goo.gl/svPvTabmmD1DHe9v9
  • จองคิวตรวจออนไลน์  https://phuketmedicalclinic.youcanbook.me

Similar Posts

  • Antiretrovirals : ARV ยาต้านไวรัสหรือยารักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี

    ยาต้านไวรัสเอชไอวี มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อเอชไอวีในกระแสเลือด เมื่อจำนวนเชื้อลดลง  ร่างกายก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น   โอกาสในการเจ็บป่วยด้วยโรคฉวยโอกาสจึงลดลง เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยส่วนมากสามารถทำงานและดำรงชีวิตตามปกติได้  และการเสียชีวิตจากโรคฉวยโอกาสก็เป็นไปได้น้อย

    การกินยาต้านฯ มีข้อที่ต้องคำนึงอยู่หลายประการ เมื่อแพทย์วินิจฉัยและให้การรักษา  ผู้ติดเชื้อจะต้องประเมินว่าตนเองมีความพร้อมในการรับยาแล้วหรือยัง   เพราะการกินยาต้านฯ ต้องกินให้ถูกต้อง ตรงเวลา และต่อเนื่องตลอดชีวิต เนื่องจากยาไม่สามารถกำจัดเชื้อเอชไอวีให้หมดไปจากร่างกายได้  ยาจะช่วยควบคุมจำนวนเชื้อให้มีน้อยที่สุด การกินยาตรงเวลา และต่อเนื่อง เพื่อไม่เปิดโอกาสให้เชื้อดื้อยาได้ง่าย และสามารถควบคุมเชื้อไว้ได้ตลอดเวลา

    ยาต้านไวรัสเอชไอวี มีด้วยกันหลายชนิด ออกฤทธิ์แตกต่างกันไป การเลือกใช้ยา แพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสม สำหรับผู้ป่วยแต่ละราย   การรักษาที่จะให้ผลดี และช่วยลดปัญหาเชื้อดื้อยาได้ จะใช้ยา 3 ตัวรวมกัน หรือมากกว่า ที่เรียกว่า Highly Active Antiretroviral Therapy (HAART)

  • การตรวจหาไวรัสตับอักเสบบี และซี

    และซี

    การที่เราจะทราบว่าเรากำลังติดเชื้อไวรัสตับอักเสบอยู่หรือไม่นั้น โดยส่วนใหญ่แล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเริ่มจากการซักประวัติอาการก่อน ประวัติการฉีดวัคซีน รวมไปถึงการได้รับเลือดหรือส่วนประกอบอื่นๆ ของเลือด จากนั้นจะมีการตรวจร่างกาย มีการเอกซ์เรย์ และเจาะเลือดเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ

  • ฮอร์โมน คืออะไร? และสำคัญต่อร่างกายอย่างไร?

    ฮอร์โมน (Hormone) คือ สารเคมีที่ร่างกายผลิตขึ้นมาจากต่อมไร้ท่อ (endocrine glands)  หรือเนื้อเยื่อ และลำเลียงไปตามกระแสเลือดไปยังเซลล์และอวัยวะต่างๆ ช่วยในการสื่อสารระหว่างเซลล์ ทำหน้าที่ร่วมกับอวัยวะต่างๆ และควบคุมระบบของร่างกายให้ทำงานได้อย่างปกติ  โดยฮอร์โมนจะหลั่งออกมาจากต่อมไร้ท่อ แล้วซึมเข้าสู่เส้นเลือด อาศัยระบบไหลเวียนโลหิต ส่งต่อไปยังเซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เพื่อทำให้ร่างกายทำงานได้ปกติ

  • ตรวจรักษาโรคทั่วไป ตรวจอะไรบ้าง? 

    ตรวจรักษาโรคทั่วไป เป็นการบริการตรวจรักษาผู้ป่วยโรคทั่วไป  ด้วยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการตรวจ วินิจฉัย และรักษาโรค ในกรณีที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง  หรือต้องผ่าตัด เรายังมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หลากหลาย สาขาวิชา ที่พร้อมให้การดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด

  • การตรวจโรคไข้เลือดออก

    โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue Virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค มักพบในประเทศเขตร้อนและระบาดในช่วงฤดูฝน

    เนื่องจากอาการของโรคไข้เลือดออกในระยะแรกๆ คล้ายกับโรคติดเชื้อหลายโรค เช่น ไข้หวัดใหญ่ และไข้จากสาเหตุอื่น ดังนั้น นอกเหนือจากการสังเกตอาการ และซักประวัติความเป็นอยู่ของผู้ป่วยแล้ว 

    การตรวจวินิจฉัยจะช่วยให้ยืนยันได้ว่าผู้ป่วยมีการติดเชื้อไวรัสเดงกี่หรือไม่ หากสามารถตรวจได้เร็ว ก็จะทำให้สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันการติดต่อของโรคได้อีกด้วย แพทย์วินิจฉัยโรคไข้เลือดออกด้วยการตรวจเพิ่มเติม และตรวจทางห้องปฏิบัติการ

  • เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการตรวจหาเชื้อโรคโควิด

    ปัจจุบันมีวิธีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ค่อนข้างหลากหลาย โดยวิธีที่เป็นที่รู้จักกันจะเป็นการตรวจแบบเร่งด่วน Antigen Test Kit (ATK) ที่เน้นความสะดวกรวดเร็ว ราคาไม่แพง และแบบ RT-PCR (Real Time PCR)  ที่ให้ผลได้แม่นยำกว่า แต่ต้องรอผลตรวจนานมากขึ้น  เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือมีอาการที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อโควิด-19  โดยการตรวจหาเชื้อ โควิด-19 ด้วยวิธีจะใช้การเก็บสารคัดหลั่งที่โพรงจมูก  หรือลำคอด้วยการ Swab